READ MORE - ปลาไหลไฟฟ้าสู้กับจระเข้...คุณว่าใครจะอยู่ใครจะไป
- หน้าแรก
- สมุนไพรไทย
- อาชีพแนะนำ
- สิ่งประดิษฐ์
- สัตว์โลกน่ารัก
- การดูแลสุขภาพ
- คอมพิวเตอร์
- วิทยาศาสตร์ไอเดีย
- สูตรอาหารอีสานบ้านเฮา
- วัฒนธรรมประเพณีไทย
- เครื่องดนตรีพื้นบ้าน
- พืชและสัตว์เศรษฐกิจ
- ข่าวสารจังหวัดกาฬสินธุ์
- งานราชการเอามาบอกต่อครับ
- เรื่องแปลก ลึกลับ สิ่งมหัศจรรย์
- ซื้อขาย บ้าน ที่ดิน สวนยาง ในจังหวัดกาฬสินธุ์
ราคาสินค้าการเกษตรวันนี้
Archives
-
►
2013
(37)
- ► กุมภาพันธ์ (4)
-
▼
2010
(78)
-
▼
ธันวาคม
(8)
- ปลาไหลไฟฟ้าสู้กับจระเข้...คุณว่าใครจะอยู่ใครจะไป
- ไสตล์การตกแต่งเมืองแบบแปลกๆ
- ชายผู้แบกกำมะถัน ณ ภูเขาไฟคาวา อิเจน จนได้สมญานามว...
- เตรียมตัวนอนนับฝนดาวตก “เจมินิดส์” 80 ดวงต่อชั่วโมง
- รอยสักแบบสามมิติ
- ชาวยโสไปหาเห็ดพบเต่าลายกระดองคล้ายพระสมเด็จ นำถวายวัด
- วิธีการทำต้มยำไก่บ้านรสเด็ด
- ทะเลคาปูชิโน่ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ สุดมหัศจรรย์
- ► กุมภาพันธ์ (4)
-
▼
ธันวาคม
(8)
Label
- กฎหมายในชีวิตประจำวัน (3)
- การเงินการลงทุน (1)
- ไก่ชนสายเลือดนักสู้ (1)
- ข่าวสารบ้านเมือง (2)
- ข่าวสารบ้านเฮา (1)
- คลิปเด่นคลิปดัง (6)
- เครื่องดนตรีพื้นบ้านและศิลปะการแสดง (4)
- เคล็ดลับและเทคนิคในการถ่ายภาพ (3)
- งานราชการมาบอกต่อครับ... (6)
- งาน part time (1)
- เช้านี้มีอะไร (1)
- ซื้อขาย บ้าน ที่ดิน สวนยาง ในจังหวัดกาฬสินธุ์ (2)
- ท่องเที่ยวถ่ายภาพ (3)
- ทำมาหากิน (4)
- ที่สุดของที่สุด (2)
- เทคนิคการใช้ชิวิตคู่ (2)
- เทคนิคการทำเกษตรพืชและสัตว์เศรษฐกิจ (31)
- เทคนิคการทำ seo โปรโมทเว็บไซด์ (1)
- เทคนิคการเรียนเก่ง (2)
- เทคนิคการเล่นฟุตบอล (11)
- เทคนิคเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ (21)
- เทคนิคเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (10)
- เทคนิคเกี่ยวกับโทรศัพท์มือถือ (5)
- บริษัทรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจังหวัดกาฬสินธุ์ (1)
- บ้านและสวน (1)
- แบบทรงผมชาย (2)
- ผลไม้พื้นบ้าน (1)
- ฟังเพลงออนไลน์ (1)
- แฟชั่นการแต่งตัว (7)
- แม่และเด็ก (1)
- รวมเทคนิคการประดิษฐ์สิ่งประดิษฐ์ (15)
- รูปรอยสักสวยๆ (Tattoo picture) (3)
- เรื่องแปลก ลึกลับ สิ่งมหัศจรรย์ (27)
- วัฒนธรรมประเพณีไทย (1)
- วันสำคัญ (1)
- วิทยาศาสตร์ไอเดีย (3)
- สมุนไพรไทย (3)
- สะสมเหรียญ 10 บาท (1)
- สัตว์เลี้ยง (1)
- สัตว์โลกน่ารัก (2)
- สูตรอาหารอีสานบ้านเฮา (24)
- หัตถกรรมเครื่องสาน (1)
- อาชีพดีๆมาแนะนำ (2)
- free downloads software (14)
- HORMONES วัยว้าวุ่น (1)
- iphone (1)
- Thailand got talent 2013 (1)
- windows และ ระบบปฏิบัติการ (1)
ปลาไหลไฟฟ้าสู้กับจระเข้...คุณว่าใครจะอยู่ใครจะไป
18.12.53เขียนโดย Arthit ที่ 21:50 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: คลิปเด่นคลิปดัง
ไสตล์การตกแต่งเมืองแบบแปลกๆ
13.12.53เขียนโดย Arthit ที่ 06:25 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: เรื่องแปลก ลึกลับ สิ่งมหัศจรรย์
ชายผู้แบกกำมะถัน ณ ภูเขาไฟคาวา อิเจน จนได้สมญานามว่า "คนภูเขาไฟ"
12.12.53
![ภูเขาไฟคาวา อิเจน](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjdJ8LYqGkw5s6ehtmOgwcm8nXIpKrK1cF90MiQizUZnh7BWAs1Ylg2CJPV_0Gkdg463e6PviHTLD4Te8MCmjjrz_FEJxxMZGLB9k33ywNrRKFCr0BYqcUBgkMFTZo885UYGlcrQuF07H8/s400/7.jpg)
Kawah Ijen อุทยานแห่งชาติคาวา อิเจน เป็นสถานที่ที่น่าสนใจ
ตั้งอยู่บนเกาะชวาตะวันออก ทางตะวันออกเฉียงใต้ เป็นส่วนหนึ่งของของอุทยาน
แห่งชาติบาลูรัน คาวาอิเจนสูงกว่าระดับน้ำทะเลประมาณ 2,300 เมตร
การขึ้นยอดของ คาวา อิเจน จากจุดที่ทำการอุทยานใช้เวลาเดินขึ้นไปตามทางร่มครึ้ม ผ่านป่าฝน ระยะทางประมาณ 3 กิโลเมตร ใช้เวลาไปกลับและลงไปชมทะเลสาบข้างล่างกว่า 5 - 6 ชั่วโมง
![คนภูเขาไฟ](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPngcHniWab_wBRFBFShZdnOLn10FroaOvIAeos-8tf4fUtVaXIxxmwZISSrNrRtivpsn0QWVTIxWI_ehQF1gVw2MeXCL8jCuxCsW21zVYULEcHejkVLGNz2PqwC_GYVihW2Es4CB2XWk/s400/6.jpg)
ก้นปล่องคาวา อิเจนมีทะเลสาบที่เขียวอมฟ้าที่สวยงามที่สุด และเป็นทะเลสาบที่ความเป็นกรดมากที่สุดในโลกอีกด้วย อุดมไปด้วยกรดกำมะถัน มี pH 0.5 ใกล้เคียงกับน้ำกรดในหม้อแบตเตอรี่รถยนต์เลยทีเดียว
![Kawah Ijen](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhrb3UsKTzEwBiSldQ3Aygs27-iyAxt8_HoLcBVstCNx9fvqN6KVmVzS09Dd-eP32Zxlj_Q-DfKqC__ru2S-Bkr8YWLeszxyPOvvxa405ke9Z9GPNU9T2qSRB_FFkwxTHfcyCDwJDasbg0/s400/16.jpg)
![เหมืองกำมะถัน](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgiCN5saSeiTjqE5LGmbJOIKduVdAhraBVnGjAF3c2XbHL4xFq4FifOFJJ-Vb4Iy2Rmd9n3IdPFW6-ah7idSBH6ZP3mfeV2S84ql8AobZdcbc9Yfqa08vnoekR0VI7qWkkSv2WAf0iTqtU/s400/13.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjopSqfDdCXJqtZAJShOn5lk1D4NDR7C4V9-4kSQamsM7h9s9QhKEYrF9W8iUmsURgsNpob_no7IMkRIT9kP-B7xO1zjrSGBhnsTFCND4YiHc-FX2mhc8kmUeTb0iepahEUN736gi8BM88/s400/12.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiePt26lKSsrFr5Q6OtR4jRxVqsRQdMWMIvHtyXFtXVgDTIHX_r9drUyMVLjBdE6R9zPBWR_l6kVy6tN3Oji6TJUkjvnYD6s7maJU7HXxpBKSWd9Mno3bfy5rvi420fJSGBnuXyPAz1kvg/s400/11.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgQSa4zMEvA4OIGtSXcPBQO8vSqhWEsrAbEpdbflEyAkbYVz0eDX3s7QiRZ5kkjLkvmDQe02rtctSnY-9UsLnrFK484yOdnZXqQmXaKW2vQZWljL_cn23RhsM2pKE3p7QZSvfsWHnFP86w/s400/10.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEieLOIgskHq68VDiULtjuzjz04q_UOumGSjfIUFi7PofEWZPUBFuX2arr-goH9b4CgYBjWOSbUwETSZJwj6PalCGN4b4TwPpgaWnPJyxRY1JJFZHQUCx-QvGIsHKiRCdr2lCmI1BqwoUCg/s400/9.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjAwSDThzLZdR2Hx1y3yOFHMcqFFmw7Et0VTXVqvsRBgUOiROfri9LfwDQ-bYRkodf6KfkavoE1Y2hKIDpP0trRDZrPZW5hAOtudvZDm7HiS9mo2bDH418rq2OCX9r6qRXKS0dHONDPeMM/s400/8.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjPhRHy2XWP9eNKPFIxRBau_zmtVcymyK0_3Fid9v5R6eX86h8k0HG5NwXz0a7bQ43l0UD9qVtuqL_CbEGxdUCsocsuPVRhC305kczNFR5Z3WIrR3OohSnbFcB8TwY1J56ZI2nrZBPRq6g/s400/4.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhKWPpePgmd1IQRHmIqN4xU1LRDYZJ7IgCLMYFJD5WSWsRBH0x43QkDnjyAlAyveykrXNl-ggBBLKZuSHWCyB_AGHxFBXT3t5E74tSjHJKirOf2Y0EqI1q_Il4UVDBm8xrLwiFTUT_Lzms/s400/3.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiI6RdzUe0yagUpyDrhIjaQg7bdapAqQc5ktoW6Nrdy5HSWUwCyiyTh0p_gy8Mp0vv342xVzKwBxdWJFhEjH8VLVYikaAqRxVrf29GwVGRwAaXtJk27QpIik1yMpMFesRsftLcC0QedQxU/s400/1.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjs-b6J_43smG8A8gyaQ9_eNtWpWceTw3qelfMrQz0nPPVspPhOvN7AdTETcEwjQuU2jS7psC-R_gQW9Yny1SoiZH43WTbB92YVcmO9Ij8_ro60-5rXrnpPqgpTwOMmBUI1TwnZI_jAqQU/s400/1_display.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhPx7fCEXYFauQEZPW3aTszVSaT7LfcHbCDRIiylLWYYdQB6U4E6rjARrlUWQy6cr98v7VwBtLsg3dyyV71uQmnFuCRIbrVzx_MksKZ9EWB727o4SdR6qQ0359PCAKhRYVHaANcxBRAmU0/s400/20.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhcDZTHe-svdw9UjumP-kDg2E3mnFWGn_tNoXxKlUONYITQIL4N6uqRrO4kUfBEqE9uGzw8YVtGOCeMjzKT3ZRHuFodGPSQz_4Q0WAsAF4uAWDAr4eSroGXVvx4Xz4Y-fV4eCo73LOIztM/s400/19.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEinXQQis45im_HcPgJyCwtyr8IYDb3i033cMu4n_03rM2ySgidC_Y5smIt9GDOlBL3LRtPCUW3P6S_-zlbmD0Jg5ZBeT4RDuhPFH0g9X4w1RkoXhbIz3WF9lb8Wt4XOZK3EHl1duXfvQJA/s400/17.jpg)
เขียนโดย Arthit ที่ 15:57 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: เรื่องแปลก ลึกลับ สิ่งมหัศจรรย์
เตรียมตัวนอนนับฝนดาวตก “เจมินิดส์” 80 ดวงต่อชั่วโมง
9.12.53
![ฝนดาวตกเจมินิดส์ 2010](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhRAgwePX31OF_54pW_jCaoi0oBFXVn-bGKtlMHaYDJz-0GtzMF35908fYMCXOKve8BLcdvqCSxQbYWY2nWQJxUvPxhhkQSqUD4yFte3mBoF4TgXNv7BDPRKZ23e5mdN8XEGr6RIm5azdQ/s400/1_display.jpg)
สำหรับช่วงเวลาที่เริ่มสังเกตเห็นการเกิดปรากฏการณ์ฝนดาวดังกล่าว อยู่ในช่วงเวลาตั้งแต่เที่ยงคืนของคืนวันที่ 13ธ.ค.53 จนถึงเช้ามืดของวันที่ 14 ธ.ค.53 ตามเวลาประเทศไทย ในปีนี้นักดาราศาสตร์คาดการณ์ว่าจะมีอัตราเฉลี่ยของการเกิดฝนดาวตกประมาณ 70 - 80 ดวงต่อชั่วโมง ความเร้วของดาวตกอยู่ที่ 35 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ฝนดาวตกเจมินิดส์ (Geminids Meteor Shower) มีศูนย์กลางการกระจายระหว่างดาวคาสเตอร์ (Castor) และพอลลักซ์ (Pollux) ในกลุ่มดาวคนคู่ ซึ่งเกิดจากเศษซากในรูปแบบของฝุ่น ของแข็ง น้ำแข็ง จำนวนมากของดาวเคราะห์น้อย 3200 เฟธอน (3200 Phaethon) ที่หลงเหลือจากการโคจรรอบดวงอาทิตย์ แต่ละครั้งที่ดาวหางดวงนี้โคจรเข้าใกล้โลกจะทิ้งชิ้นส่วนเหล่านี้ไว้ตามรายทาง เมื่อโลกโคจรตัดผ่านหรือเข้าใกล้แนวเส้นทางของดาวหางดวงนี้ ก็จะดึงเอาเศษฝุ่นอวกาศเหล่านั้นตกสู่โลกเกิดการเสียดสีกับชั้นบรรยากาศและถูกเผาไหม้จนเกิดแสงสว่างลุกวาบเป็นทางยาวในท้องฟ้ากลางคืน
ด้านนาวาอากาศเอกฐากูร เกิดแก้ว หัวหน้าโครงการศูนย์การเรียนรู้วิทยาศาสตร์โลกและดาราศาสตร์ (LESA) กล่าวว่า ฝนดาวตกเจมินิดส์นับเป็นฝนดาวตกที่น่าจับตาที่สุดสำหรับประเทศไทย เพราะเป็นฝนดาวตกที่มีดาวตกจำนวนมาก และเกิดขึ้นในฤดูหนาว ซึ่งอากาศดีและท้องฟ้าใส โดยเริ่มสังเกตเห็นได้มากตั้งแต่เวลาหลังเที่ยงคืนของคืนวันที่ 13 จนถึงเช้ามืดของวันที่ 14 ธ.ค.53 ตามเวลาประเทศไทย เนื่องจากปีนี้พระจันทร์ตกเวลาประมาณ 24.00 น. จึงทำให้มีแสงจันทร์บดบังในช่วงหัวค่ำ ส่วนจำนวนอัตราฝนดาวตกสูงสุดนั้นเฉลี่ย 80 - 120 ดวง/ชั่วโมง
“ฝนดาวตก” คือดาวตกหลายดวงที่ตกมาจากบริเวณเดียวกันในท้องฟ้า ในช่วงเวลาเดียวกันของปี โดยเกิดจากการที่ดาวหางโคจรเข้าใกล้ดวงอาทิตย์ และทิ้งเศษฝุ่นและวัตถุขนาดเล็กจำนวนมากไว้ตามแนวเส้นทางโคจร ซึ่งในแต่ละปี โลกจะโคจรผ่านธารอุกกาบาตดังกล่าวในช่วงเวลาหนึ่ง และเป็นช่วงวันเดียวกันในแต่ละปี เมื่อเศษฝุ่นเหล่านี้ผ่านเข้ามาสู่ชั้นบรรยากาศชั้นบนของโลก ก็จะเสียดสีกับชั้นบรรยากาศทำให้เกิดความร้อน และเผาไหม้เศษวัตถุนั้นภายในเวลาเพียงไม่กี่วินาที ปรากฏให้เห็นเป็นเส้นสว่างสวยงามเป็นจำนวนมาก เราจึงเรียกว่า ฝนดาวตก
ทั้งนี้ธารอุกกาบาตอันเป็นต้นกำเนิดของฝนดาวตกทั่วไป มักจะมาจากธารอุกกาบาตของดาวหาง เช่น ฝนดาวตกลีโอนิดส์ ฝนดาวตกเพอร์ซีดส์ เป็นต้น แต่ฝนดาวตกเจมินิดส์จะต่างออกไป คือเกิดจากธารอุกกาบาตของดาวเคราะห์น้อย ซึ่งธารอุกกาบาตของดาวเคราะห์น้อยมักจะมีขนาดใหญ่กว่าธารอุกกาบาตของดาวหาง
โลกต้องใช้เวลานานในการเคลื่อนที่ผ่านธารอุกกาบาต จึงทำให้คาบเวลาการเกิดฝนดาวตกยาวนานกว่า เราจึงสามารถมองเห็นฝนดาวตกได้สองถึงสามวันก่อนและหลังวันที่มีจำนวนดาวตกสูงสุด หรือก็คือตั้งแต่วันที่ 7 - 17 ธันวาคม แต่จะมีมากสุดในคืนวันที่ 13 - 14 ธันวาคม โดยศูนย์กลางการกระจายหรือทิศทางอันเป็นจุดกำเนิดของฝนดาวตกอยู่ในกลุ่มดาวคนคู่หรือกลุ่มดาวเจมิไน จึงเป็นที่มาของชื่อฝนดาวตกเจมินิดส์
สำหรับขั้นตอนการดูฝนดาวตกเบื้องต้น น.อ.ฐากูร กล่าวว่า เนื่องจากฝนดาวตกเจมินิดส์ไม่สว่างเหมือนกับฝนดาวตกลีโอนิดส์ การสังเกตการณ์จึงจำเป็นต้องเลือกสถานที่ไร้แสงไฟรบกวน และห่างไกลจากเมืองใหญ่ โดยเริ่มต้นการดูดาวตกจะต้องงดการใช้ไฟฉาย เพื่อให้ดวงตามีการปรับสภาพ สร้างเซลล์ไวแสงสำหรับการมองภาพกลางคืน แต่หากจำเป็นต้องใช้ไฟฉาย แนะนำให้ไฟฉายขนาดเล็กหุ้มด้วยถุงพลาสติกสีแดงแทน จากนั้นให้เริ่มทำการหาทิศทั้งสี่ เมื่อหันหน้าไปทางทิศเหนือ ซ้ายมือจะเป็นทิศตะวันตก และขวามือเป็นทิศตะวันออก ต่อมาก็คอยติดตามการเคลื่อนที่ของกลุ่มดาวคนคู่
“กลุ่มดาวคนคู่ จะมีดาวสว่าง 2 ดวงอยู่ใกล้กันคือ คาสเตอร์ และพอลลักซ์ ในช่วงกลางเดือนธันวาคม กลุ่มดาวคนคู่จะขึ้นเวลาประมาณสองทุ่ม แต่เราจะยังไม่สามารถมองเห็นดาวตกได้ชัดเจน จนกว่าดวงจันทร์จะตกในเวลาประมาณเที่ยงคืน ดังนั้นในช่วงเวลาหัวค่ำจึงควรนอนเก็บแรงไว้ก่อน แล้วตื่นขึ้นมาดูฝนดาวตกตอนหลังเที่ยงคืนไปจนถึงรุ่งเช้า เวลาตีสองกลุ่มดาวคนคู่จะอยู่ใกล้จุดเหนือศีรษะ ช่วงเวลานี้คาดว่าจะมองเห็นดาวตกได้มากกว่า 100 ดวงต่อชั่วโมง โดยตกกระจายไปยังขอบฟ้าทุกทิศทาง” น.อ.ฐากูรกล่าว
สำหรับการเฝ้าดูฝนดาวตกแนะนำให้จับกลุ่มกันและนอนเอาหัวชนกันกลุ่มละ 4 คน หันเท้าไปทางทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เพื่อให้มองเห็นครอบคลุมทั่วบริเวณท้องฟ้า หากสังเกตจะพบว่า ดาวตกแต่ละดวง ตกลงมาจากทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้หากลองลากเส้นย้อนกลับทิศทางที่ดาวตกหล่นลงมา จะพบว่า ทุกเส้นจะตัดกันที่กลุ่มดาวคนคู่ เราเรียกจุดที่ดาวตกจากลงมาว่า “เรเดียนท์”
อย่างไรก็ตาม เราจะไม่เห็นดาวตกในบริเวณกลุ่มดาวคนคู่มากนัก เพราะการมองเห็นเป็นดาวตกก็ต่อเมื่อ เศษวัตถุมีการเสียดสีกับบรรยากาศโลกจนลุกไหม้ เกิดแสงสว่าง ดังนั้น จึงควรมองไปทั่วๆ ท้องฟ้า เพราะเราไม่สามารถคาดเดาได้ว่า ฝนดาวตกจะปรากฏให้เห็นนาทีที่เท่าไหร่ บริเวณใด
น.อ.ฐากูร กล่าวว่า ฝนดาวตกเจมินิดส์ เป็นฝนดาวตกที่น่าสนใจ และเป็นกลุ่มฝนดาวตกที่มีโอกาสเห็นได้ค่อนข้างมาก เพราะตลอดระยะเวลาการเก็บข้อมูลทำวิจัยฝนดาวตกเจมินิดส์ ตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 จนถึงปัจจุบัน พบว่า สามารถนับฝนดาวตกเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 100 ดวงต่อชั่วโมง และยังพบไฟร์บอลมากกว่า 10 ดวงต่อคืน
“ฝนดาวตกเป็นปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่สวยงามและหาดูได้ยาก หากโรงเรียนหรือผู้ปกครองสามารถจัดกิจกรรมให้เด็กๆ ร่วมกันนับฝนดาวตกเพื่อบันทึกไว้เป็นสถิติของแต่ละปี ก็จะทำให้การชมฝนดาวตกเจมินิดส์สนุกและมีความหมายมากยิ่งขึ้น อีกทั้งในโอกาสเช่นนี้ยังสอนให้เด็กๆ รู้จักใช้แผนที่ดาว และทำความรู้จักกับกลุ่มดาวสว่างอื่นๆ ที่น่าสนใจ เช่น กลุ่มดาวนายพราน กลุ่มดาววัว กลุ่มดาวหมีใหญ่ เป็นต้น ประกอบกับหากมีเรื่องเล่าและการใช้ประโยชน์ของกลุ่มดาวต่างๆ ร่วมด้วยแล้ว ก็จะช่วยให้เด็กมีจินตนาการ เกิดความประทับใจ ทั้งยังสร้างแรงบันดาลใจให้พวกเขาออกไปค้นคว้าข้อมูลเพิ่มเติม และสนใจดาราศาสตร์และวิทยาศาสตร์มากยิ่งขึ้น” น.อ.ฐากูรกล่าว
ทั้งนี้ผู้ที่สนใจสามารถดาวน์โหลด แผนที่ดาว ไปทำเองง่ายๆ ได้ฟรีที่ http://www.lesacenter.comซึ่งจะอยู่ในหัวข้อสื่อการเรียนรู้
เขียนโดย Arthit ที่ 21:20 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: เรื่องแปลก ลึกลับ สิ่งมหัศจรรย์
รอยสักแบบสามมิติ
![ลายสักสามมิติ ลายอีกัวน่าเกาะขา](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEhvvnPlotfPw-nP-je5YILzYM3jQvl-YSZm8LQw7Jn3bgTU0tlakqlBZxKBL95U74XoUFVM087KO9LnhgB13QFSjw6CWLswe16iOP0lEZUgBwlK9R8yMLGPdigs9UOXnUr47haCcVHTEgk/s400/6.jpg)
ลายสักสามมิติ ลายหนังฉีกมีไสปเดอร์แมนข้างใน
![ลายสักสามมิติ ลายหนังฉีกมีไสปเดอร์แมนข้างใน](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg6LnxGd98uig37Jl_99Lh0CwEK38x7fhCm9P598ZO7chw2OahHDc2z4KJ2h_6j717qpFOzjpbIYixHTBnWEesvM8dhELDfmvv1E9eLSHcmHGkhLoL8B3asugSyZt706xO23SJLd-YyMFA/s400/3.jpg)
ลายสักสามมิติ ลายคนทุบกำแพง
![ลายสักสามมิติ ลายคนทุบกำแพง](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgKc3SITnMHHrg_b5tt1jJg1NIwy0hA4-jrJrgUslkXYSRmd2y3gnMFRXVVkIdgz6REP-uPICEYvy-t7Jgw3oZoWhFBJjqdzKkn32Ge-cRe2jNR9InIEukd73De5GxiFqqUc5eAJ0FAsqI/s400/0.jpg)
ลายสักสามมิติ ลายกล้ามเนื้อแขน
![ลายสักสามมิติ ลายกล้ามเนื้อแขน](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEirTc3l_9CGkndB7E9ksEbiSGePuqtpmk3G457O546RciSA699p9olJhQu2m-aFRVJGpPLux0DhPPSAftVskyOTrX9wtIiNHoA3GfYPg8QeSjkevNzSpvl67bCZDFXd6yqNFFXyz6PhVdA/s400/2.jpg)
ลายสักสามมิติ ลายตัวเหี้ยเกาะหลัง
![ลายสักสามมิติ ลายตัวเหี้ยเกาะหลัง](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi-qvHOjuXOjn5vsdLK85DqqGVkdAiBwdEcCsIJF1YmudetTQN0sRvWRGWQacP0ZR-fq_VGQ-GkBGfnjngq6ivWoTpxlo7-WKTJW8VZExb8-pgyVrLmKF1vGJCx2PZ-dw9A-8DHQScrNpU/s400/1.jpg)
ลายสักสามมิติ ลายแมงมุมเกาะไหล่
![ลายสักสามมิติ ลายแมงมุมเกาะไหล่](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi9G43U6jjS8osVtUSEskv4VBZORc9HM7oaPcNCuRXD1YVD4Zvg7z2OQ3Fi8OsEJOY_J8f9ymft9TJ5Gh9s1onLxfmbJzoPTzjk-4lD2czJjX6VIJjTdI9Q2b8-2vbXmEG3FEm43vxAdsM/s400/1_display.jpg)
เขียนโดย Arthit ที่ 08:56 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: รูปรอยสักสวยๆ (Tattoo picture)
ชาวยโสไปหาเห็ดพบเต่าลายกระดองคล้ายพระสมเด็จ นำถวายวัด
![เต่าประหลาด](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj6oSg2NXncYPXg1yANmLWovvv6BI7wVbIaxbUF0pMMyTsiByBOJDFZ5AHwlvmk9enedGlpCb8Z2mFB7pbGG-M24gTsagqHgC-pM7PCorx5CQtK74AUjbZmvm9m8EbhkCkjxVToRaqt5Lc/s400/167170.jpg)
เมื่อวันที่ 9 ธ.ค.53 ชาวบ้านสมบูรณ์พัฒนา อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร เข้าป่าเก็บเห็ดพบเต่าประหลาดกระดองมีลายคล้ายพระสมเด็จ ก่อนนำมาถวายเจ้าอาวาส วัดสมบูรณ์พัฒนา ซึ่งเป็นวัดประจำหมู่บ้านจนมีชาวบ้านใกล้เคียงทราบข่าวต่างเดินทางไปดูความแปลก และขอโชคลาภ
ต่อมา พระอธิการอุทัย ทินนาโภ เจ้าอาวาสวัดสมบูรณ์พัฒนา บ้านสมบูรณ์พัฒนา ต.กู่จาน อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร เลี้ยงไว้ภายในกุฏิ นำเต่าออกมาให้นักข่าวดู ซึ่งเต่าประหลาดตัวนี้ มีอายุประมาณ 4-5 ปี เป็นเต่าพันธุ์พื้นเมืองพบมากในแถบภาคอีสาน ชาวบ้านเรียกเต่าสายพันธุ์นี้ว่า เต่าเพ็ก ข้อแตกต่างของเต่าตัวนี้คือลักษณะกระดองและหัวเต่าเป็นสีขาวอมเหลือง
กระดองเต่าตัวนี้แปลกไปกว่าเต่าตัวอื่น ที่บริเวณหลังกระดองจะมีร่องลายคล้ายรูปทรงพระสมเด็จ มีตั้งแต่ 5 ชั้น 7 ชั้น และ 9 ชั้น และที่บริเวณขอบกระดองก็จะมีร่องลายคล้ายพระสมเด็จ ลักษณะทิ่มหัวลงขอบกระดอง ใต้ท้องจะมีร่องมุมสี่เหลี่ยมสม่ำเสมอ
พระอธิการอุทัย ทินนาโภ กล่าวว่า นายทองบูรณ์ พันธ์เดช อายุ 40 ปี เลขที่ 7ม.2 ราษฎรบ้านสมบูรณ์พัฒนา ต.กู่จาน อ.คำเขื่อนแก้ว จ.ยโสธร นำมาถวายให้อาตมาเลี้ยงรวมเดือนกันยายน 53 ที่ผ่านมา โดยนายทองบูรณ์ เล่าให้อาตมาฟังก่อนพบเต่าว่า ได้เข้าป่าเก็บเห็ดที่บริเวณป่าชุมชนท้ายหมู่บ้าน เพราะช่วงเดือนดังกล่าวเห็ดป่าจะเกิดชุกชุม นายทองบูรณ์ เดินหาเห็ดป่าจนสายก็ไม่พบเห็ดให้เก็บสักดอก แต่พอเดินผ่านโพนดินจอมปลวกก็ได้ยินเสียงฟู่ๆๆๆออกมาจากใต้ดินจอมปลวก แรกๆ นึกว่าเป็นเสียงงูเห่า จึงใช้เสียมที่ถือติดมือมาคุ้ยดินดู ก็พบกระดองเต่าโผล่พ้นดิน มองเห็นเป็นสีทอง จึงคุ้ยดินต่อพบเป็นเต่า ก่อนนำกลับบ้าน นายทองบูรณ์ เห็นเต่าตัวดังกล่าวแปลกกว่าเต่าทั่วไปจึงได้อธิษฐาน บนบานเจ้าที่ขอเต่าไปเลี้ยง
ขอบคุณข่าวจาก
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEh1-6CzOUDki0kQdMfexRnNX-sODqWkPEE5uruT3Vvi3MkbSTNq3VRsPS03bEdDe2cX9AYUN7kWHuMBHg7t7n4YX17pIRy5U1aAPeuHqflDilR4wTcwCJbd70O4C5-mNWL8UKzukACPxh4/s400/kaosod.jpg)
เขียนโดย Arthit ที่ 08:49 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: เรื่องแปลก ลึกลับ สิ่งมหัศจรรย์
วิธีการทำต้มยำไก่บ้านรสเด็ด
7.12.53
![วิธีการทำต้มยำไก่บ้านรสเด็ด วิธีการทำต้มยำไก่บ้าน](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg0ZqGD4IhC0GeLufvOtwAFnnTZnXZJhS32dAuRe9NRh4XxuAIadK_ORdE2x2WqwmRLodXgG_2a8LKAoN1AzF-nqy1U-YH9qUnQd5YABOX_JZ8BYBAPHbEOspnTpggrsImxtO5raBO0-8s/w400-h263/100202.jpg)
เขียนโดย Arthit ที่ 21:51 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: สูตรอาหารอีสานบ้านเฮา
ทะเลคาปูชิโน่ ปรากฏการณ์ธรรมชาติ สุดมหัศจรรย์
เขียนโดย Arthit ที่ 21:36 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: เรื่องแปลก ลึกลับ สิ่งมหัศจรรย์
ประวัติการลอยกระทงและรูปกระทงสวยๆ
20.11.53
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiht0v9BnP1sAffme07MzgH-OowS0Lw6ogRo7lRqyWpKtexaleIafJcefbVuFmxjq8tjWgrVYEuY2JzsiMAEXMjeQyx0sI4wZwyF4HiRaGUoYDVTY17ZepAwbqM9hCTIr4EKu0e6uUXhos/s400/1.jpg)
การลอยกระทง เป็นประเพณีที่มีมาแต่โบราณ แต่ไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัดว่าปฏิบัติกันมาแต่เมื่อไร เพียงแต่ท้องถิ่นแต่ละแห่งก็จะมีจุดประสงค์และความเชื่อในการลอยกระทงแตกต่างกันไป เช่น ในเรื่องเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา ก็จะเป็นการบูชาพระเกศแก้วจุฬามณีบนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ เป็นบูชารอยพระพุทธบาท ณ หาดทรายริมฝั่งแม่น้ำนัมมทา ซึ่งปัจจุบันคือแม่น้ำเนรพุททาในอินเดีย หรือต้อนรับพระพุทธเจ้าในวันเสด็จกลับจากเทวโลกเมื่อครั้งไปโปรดพระพุทธมารดา นอกจากนี้ ก็ยังมีวัตถุประสงค์เพื่อบูชาพระอุปคุตเถระที่บำเพ็ญบริกรรมคาถาในท้องทะเลลึกหรือสะดือทะเล บางแห่งก็ลอยกระทงเพื่อบูชาเทพเจ้าตามความเชื่อของตน บางแห่งก็เพื่อแสดงความขอบคุณพระแม่คงคาซึ่งเป็นแหล่งน้ำให้มนุษย์ได้ใช้ประโยชน์ต่างๆ รวมทั้งขอขมาที่ได้ทิ้งสิ่งปฏิกูลลงไป ส่วนบางท้องที่ก็จะทำเพื่อระลึกถึงบรรพบุรุษที่ล่วงลับ หรือเพื่อสะเดาะเคราะห์/ลอยทุกข์โศกโรคภัยต่างๆ และส่วนใหญ่ก็จะอธิษฐานขอสิ่งที่ตนปรารถนาไปด้วย
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgATQTMzrjqFL0nYHzsq_CXka4nz6BW0_SfdazwNr4SZmuF3Y1dWDkN9JkVWRwW324IUc_g1QlvgxQelUyNTeg0LcKC7gCVvFOIJ1JV1RdJ7t7b1jsktNevm0Zb2Xv8C4DPnSi0E7Jn6w0/s400/01358_003.jpg)
พระยาอนุมานราชธน ได้สันนิษฐานว่า ต้นเหตุแห่งการลอยกระทงอาจมีมูลฐานเป็นไปได้ว่า การลอยกระทงเป็นคติของชนชาติที่ประกอบกสิกรรม ซึ่งต้องอาศัยน้ำเป็นสำคัญ เมื่อพืชพันธุ์ธัญชาติงอกงามดี และเป็นเวลาที่น้ำเจิ่งนองพอดี ก็ทำกระทงลอยไปตามกระแสน้ำไหลเพื่อขอบคุณแม่คงคา หรือเทพเจ้าที่ประทานน้ำมาให้ความอุดมสมบูรณ์ เหตุนี้ จึงได้ลอยกระทงในฤดูกาลน้ำมาก และเมื่อเสร็จแล้วจึงเล่นรื่นเริงด้วยความยินดี เท่ากับเป็นการสมโภชการงานที่ได้กระทำ ว่าได้ลุล่วงและรอดมาจนเห็นผลแล้ว ท่านว่าการที่ชาวบ้านบอกว่าการลอยกระทงเป็นการขอขมาลาโทษและขอบคุณต่อแม่คงคา ก็คงมีเค้าในทำนองเดียวกับการที่ชาติต่างๆ แต่ดึกดำบรรพ์ได้แสดงความยินดีที่พืชผลเก็บเกี่ยวได้ จึงได้นำผลผลิตแรกที่ได้ไปบูชาเทพเจ้าที่ตนนับถือเพื่อขอบคุณที่บันดาลให้การเพาะปลูกของตนได้ผลดี รวมทั้งเลี้ยงดูผีที่อดอยาก และการเซ่นสรวงบรรพบุรุษที่ล่วงลับ เสร็จแล้วก็มีการสมโภชเลี้ยงดูกันเอง ต่อมาเมื่อมนุษย์มีความเจริญแล้ว การวิตกทุกข์ร้อนเรื่องเพาะปลูกว่าจะไม่ได้ผลก็น้อยลงไป แต่ก็ยังทำการบวงสรวงตามที่เคยทำมาจนเป็นประเพณี เพียงแต่ต่างก็แก้ให้เข้ากับคติลัทธิทางศาสนาที่ตนนับถือ เช่น มีการทำบุญสุนทานเพิ่มขึ้นในทางพุทธศาสนา เป็นต้น แต่ที่สุด ก็คงเหลือแต่การเล่นสนุกสนานรื่นเริงกันเป็นส่วนใหญ่ อย่างไรก็ดี ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น การลอยกระทงจึงมีอยู่ในชาติต่างๆทั่วไป และการที่ไปลอยน้ำ ก็คงเป็นความรู้สึกทางจิตวิทยา ที่มนุษย์โดยธรรมดา มักจะเอาอะไรทิ้งไปในน้ำให้มันลอยไป
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEj2v0tTqrwm6zqq7rCvkvxa_C76rEqIEIu6PCSwWdaMfin6xGFEwbv2L6WeXmzEFhA_a-JjNksNTozm9EhhYZaKtg5VnD-NNhENLT6TQa1nggazQ7_9shyphenhyphenx-DcO4pO89TSMNEcRSGc_m3A/s400/mysong144.jpg)
ในหนังสือตำรับท้าวศรีจุฬาลักษณ์หรือตำนานนางนพมาศ ซึ่งเป็นพระสนมเอกของพระมหาธรรมราชาลิไทยหรือพระร่วง แห่งกรุงสุโขทัย ได้กล่าวถึงวันเพ็ญเดือนสิบสองว่าเป็นเวลาเสด็จประพาสลำน้ำตามพระราชพิธีในเวลากลางคืน และได้มีรับสั่งให้บรรดาพระสนมนางในทั้งหลายตกแต่งกระทงประดับดอกไม้ธูปเทียนนำไปลอยน้ำหน้าพระที่นั่ง ในคราวนั้นท้าวศรีจุฬาลักษณ์หรือนางนพมาศ พระสนมเอกก็ได้คิดประดิษฐ์กระทงเป็นรูปดอกบัวกมุทขึ้น ด้วยเห็นว่าเป็นดอกบัวพิเศษที่บานในเวลากลางคืนเพียงปีละครั้งในวันดังกล่าว สมควรทำเป็นกระทงแต่งประทีป ลอยไปถวายสักการะรอยพระพุทธบาท ซึ่งเมื่อพระร่วงเจ้าได้ทอดพระเนตรเห็นก็รับสั่งถามถึงความหมาย นางก็ได้ทูลอธิบายจนเป็นที่พอพระราชหฤทัย พระองค์จึงมีพระราชดำรัสว่า “แต่นี้สืบไปเบื้องหน้าโดยลำดับ กษัตริย์ในสยามประเทศถึงกาลกำหนดนักขัตฤกษ์ วันเพ็ญเดือน ๑๒ ให้นำโคมลอยเป็นรูปดอกบัว อุทิศสักการบูชาพระพุทธบาทนัมมทานที ตราบเท่ากัลปาวสาน” ด้วยเหตุนี้ เราจึงเห็นโคมลอยรูปดอกบัวปรากฏมาจนปัจจุบัน
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKmOGavaC-7-YrxOwoEhR7V2rVS633LblTfEOVBwC1hj8fEbYjsPen1xRmFf3pC6aE_Rh75pTXMmMB2VWFYUU_aY_8GyvTeroaR-t638VG4c8G1a7lOJ4EKRgHUGCpovOjQ6Nja3tae9Y/s400/1_display.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiLe3Mvwcj3o982hd7FXLQSdjIAzy0Hk9PdMTp_oTHd4rb2zdo3CmZrNOEcq1aS0ivebAbZwJm3Wt-4InOSxtuS-zDevzko7X8ht2dEqGuenIS_CSvMWLj69h2SIjoscyUXJ8lg2ukEfNQ/s400/post-2514-1196131881.jpg)
ในโอกาสดีๆที่จะมาถึงนี้จึงได้รวบรวมรูปแบบของกระทงสวยๆมาฝากกันครับ
กระทงจากขนมปัง
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEheflarohiQaIIg8dEO1YaiAPhfs_0pDz_O17ImFWwQzIiraDQhH7sMax-y4aT87paPdZKSthTPDkyzCJz3DfcWBe9cY6kW3K94T-7CO1vvWUaPhdM1zSJlEx8kgAUojglZxzaGbooVga8/s400/15.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjLfTvC4IOoOyWHv9Xe0-96BBI99M3O1R7OnhfhH8gigAbLuv6-IT8IxPkfbgxbg5Se_28EzSfK9_pOX1L4BlL-1HwjptVfIhlxt2RFRkFEN24fadoxr2PZtUkIjwQdXYThWWjqdcyb4bw/s400/14.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgxFDR06pXtE0m9vO4lqWY2GVAlPlMoNv5TPywA5bNOqPQ7h5SbETcERLRYq9gDGtLfmVK-Kd82yxxy8RkdMHaSDxMTpr5p11VjBxzn4Mfv8hR_EbT24z-vratg0Ser0jcz1cQs6mID2f0/s400/13.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjZWVn_y14qAUlnGyKtvuF4ZvIcoxh4OU70GAidxu8mL3RNfW5x6YLDHFY8mJWUr6i4eLq8GVkUfEfqh1pSIR0kNVfYrryArwITKjjP3geY1BECCnqKYRDAbg_w9BkdkVzFHZayweOiOS8/s400/2.jpg)
กระทงจากเทียน
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgSpH7PtAmhdOOvwrUB0-dtrnU6AytK8EOZ4W2moWVYMJZmEuwxXYNWV8v9Y3mnTrGPfQc1UvxuyPwA3IgdAjP6MFNwB0N3bfMpalcjqno2NZDVrsGq5Q0MUh7mIiaWfDWdfJbnyAmYRyo/s400/4.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiizTwIHTt8fTdikUZvRZEnPv2LGDPjQpRdyn39GQMyB5r7tnh8XakMSiBs_WRlBPuRBiVFiaUV1TuNOG0VSId3_yFkePDSZuxx45As67uSmDXbVQ9gTmsqQG_ysQtQfOxlszW_brEQuZs/s400/3.jpg)
กระทงจากใบตอง
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjcg4APVnQuORIokclJQTXQzSIAj1IsiSsQ65_bMJb7iG4ob3FSTPHBXb4K_8TG0v9iyj_ASMHSdgZpXCYX6Hjhl71UUHjUNU5N-i3l-nPNz5htnDy4EQTXyKHyHH5EjF6nFigionaro9k/s400/11.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEigapACuVOistlyQaVox8nu2AFx2WhBgUouFzpXNPkBGC-4cujXhUp9-u1dsoAmwN8hKIcLyX8hfZVFdAfyb2IbFWbRM9Pamh9JoaSRTsNAD4HpqvqD9rbbjPUXUJGhBPjfIoWPOaSPRWw/s400/10.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEipQYdN-RJ_5fEo7H9q3wl4bJPr6YSF5gZS_c2Zk81nsoMnar9gyJ_SdLuUgJsVL7cJEp0mSxmvEZXHEYsrWcL9z_YvId19_hg_PXH-NC3zg0MYfA4WnLt_SVJcnQ2GVhFiR0xOBCrcmoA/s400/9.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjz-VnhwLLYhaAvf3VGGVkgDZzpvzPrdowXU00C8lGWS8gXdAhaEsP3yyhbKMfnveKnuTH-4p5Qlc5X0pofD9Ut8AsngzPDotlJRq8-Bno-AeYixI3XQI3j8WJlLDuCB5ShcLESnEcRqFg/s400/8.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg5z1Kh-6lcxcKm66Ug9Um6y5MIFKTBO02zIE0qtMDoW4UKi5Vl4-CRbXCtga_Qfdtgxx9MAexCuAwaOEq1G1lBNS_YV0LJFWiGWHqIccx_HRGyt0jnX5tnO-1pVwSJUWiUJQ4B-uZHbgc/s400/7.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEin0eaAiL5RZpWOBwQlM8uEQRWNxIGY6d1iceUsfEmoi1JCBv5yOfKdWWjH8Dns_Jdj2IRxMKczFe8xuNhflSWv_jZOOE0oN1W2L23-7g3FRMBnY7fhGKB2JsFSk9v52dAZvgs8HIIOURI/s400/6.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjWs4HigiTBMfGmXIP_j_lvtvw-PrKiKCZDPizQwCBO2O8AGbl-UffXFn6SeXziyUWjvWTpp_GVNSbOBIPu8rSIw8Ro0otI7bxjciOndIAcYwnQxezT30PdSzsxDAVSVYKpZouAtyLcK_0/s400/5.jpg)
กระทงจากดอกหน้าวัว
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEg_Jf67bcZkEZoANLoOZw0HUntJhmd54crmWK2ChzS_YkJfTa_qJH9s5OdcrhGApk-h2E2jTB5imrhEEiMjiqazAS6ckQ_mD4OB67ZzO02490Qw7AuFdUhSS3uEI9napglptuIxcfY0QX0/s400/12.jpg)
กระทงจากกะลา
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEgn73Mej0XKYMTd2gsA-TV4AfKjCnRoNr9SQuXSnYtV4GhXv28n9w55b2NWJM0EL-ixxxuxUxeyFe7iD0jVMYuiTpg2bid8ZNo0GmYQMk5g-6s-kppGavHnFZaaFY5N1WFhb8FmsD4DxTc/s400/IMG_378323.gif)
เขียนโดย Arthit ที่ 03:03 0 ความคิดเห็น
ป้ายกำกับ: วัฒนธรรมประเพณีไทย