รวมสุดยอดไอเดียและวิธีการห่อของขวัญแบบเก๋ๆ

21.12.52

จะปีใหม่แล้ว ใครกลับบ้านกันมั่งครับ
แล้วจาไปจับของขวัญ หรือ เอาของขวัญไปให้คนสำคัญทั้งที ต้องดูดีใช่ป่าวล่ะ คนรับเค๊าถึงจะปลื้มและประทับใจ
ไปดูวิธีการห่อของขวัญแบบต่างๆกัน เผื่อได้ไอเดีย
การห่อของขวัญแบบสี่เหลี่ยม
วิธีการห่อของขวัญแบบสี่เหลี่ยม
เป็น วิธีการห่อที่เบสิกที่สุด ทุกคนสามารถทำได้ ทว่าความประณีตในการห่อขึ้นอยู่กับทักษะเหมือนกัน มาดูกันว่าเราจะรังสรรค์อย่างไร เริ่มต้นง่าย ๆ จากวางกล่องกระดาษตามแนวทแยงมุมของกระดาษ จากนั้นพับกระดาษจากมุมล่างขึ้นไป และพับกระดาษข้างซ้ายขึ้นมาให้มุมตั้งฉากสวยงาม ขั้นต่อไปพับกระดาษอีกข้างหนึ่งด้วยวิธีเดียวกัน และพลิกกล่องขึ้น จับกล่องวางลงแล้วพับมุมด้านขวาขึ้นมา พับมุมที่เหลือและเก็บมุมให้เรียบร้อย แล้วติดเทป ก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์

การห่อของขวัญแบบลูกอมหรือทอฟฟี่
       การห่อของขวัญแบบลูกอมหรือทอฟฟี่<br />
แบบ นี้ต้องขึ้นอยู่กับลักษณะของของขวัญ สามารถห่อได้ทั้งแบบใส่กล่องหรือห่อโดยตรงจากของขวัญเลยก็ได้ เริ่มแรกให้นำกระดาษสาสีแดงหรือสีที่ชอบมาห่อทั้งแผ่น โดยให้กล่องของขวัญอยู่กึ่งกลางกระดาษ จับรวมปลายกระดาษสาทั้ง 2 ข้าง ให้เป็นรูปทอฟฟี่และเอาไหมพรมมาผูกทั้ง 2 ด้าน จากนั้นใช้กรรไกรซิกแซ็กตัดริมกระดาษสาเก็บรายละเอียดให้สวยงาม อาจหาโบว์สีสวยขนาดใหญ่หน่อยมาผูก 2 ข้าง ก็ดูเก๋ไก๋ไม่เบา

การห่อของขวัญที่เป็นขวด
การ ห่อของขวัญที่เป็นขวด นอกจากการนำขวดใส่กล่องสี่เหลี่ยมทรงสูงแล้ว ยังมีการห่ออีกแบบที่นิยมคือ การห่อให้คงลักษณะรูปขวดแล้วเพิ่มลูกเล่นเข้าไป เช่นการนำกระดาษสา 2 แผ่น โดยใช้สีตัดกันอย่างเห็นได้ชัดเพื่อความสวยงาม จากนั้นติดเทปกาว 2 หน้าที่กระดาษสีแดงแล้วนำกระดาษสีเขียวมาติดบนกระดาษสีแดงจะกลายเป็นกระดาษ ห่อ 2 สีในแผ่นเดียวกัน
...ขั้นตอนถัดไป ให้นำขวดไวน์ตั้งบนกึ่งกลางระหว่างกระดาษสีเขียวและสีแดง ห่อกระดาษรอบขวดให้เป็นจีบอย่างประณีต ใช้ริบบิ้น (สีเดียวกับกระดาษ) แดง เขียว ผูกเป็นโบว์หูกระต่ายบริเวณคอขวด ให้ขนาดของโบว์ไม่เท่ากัน นำริบบิ้นผ้าสีขาวผูกทับอีกชั้นหนึ่ง และนำริบบิ้นขน 2 เส้น เส้นละ 1 เมตร ผูกให้เป็นโบว์หูกระต่าย หลังจากนั้นนำริบบิ้นลวดสีเขียวและสีแดงตัดเส้นละ 1 เมตร แปะด้วยเทปกาว 2 หน้าที่บริเวณขวดด้านในกระดาษห่อ ใช้ปากกาม้วนริบบิ้นลวดทั้ง 2 สีให้เป็นเกลียว แค่นี้ก็ได้ของขวัญที่เต็มไปด้วยไอเดียสร้างสรรค์แล้ว

การห่อของขวัญแบบญี่ปุ่น
สามารถ ทำได้ง่าย โดยสีที่เน้นคือ "สีน้ำตาล" โดยการหาซองสีน้ำตาลขนาดพอเหมาะกับขนาดของขวัญ นำกระดาษมาห่อชั้นแรก โดยห่อแบบเฉียง ๆ เสร็จแล้วพับส่วนที่เหลือให้ได้รูปเก็บให้เรียบร้อย เอากระดาษสาแบบแข็งขนาดเล็กกว่าแผ่นแรก โดยตัดเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้านำมาวางพาดแนวเฉียง ขั้นตอนสุดท้ายหาโบว์มาผูกเลือกแนวเฉียง

การห่อของขวัญแบบสามเหลี่ยม
การห่อของขวัญแบบสามเหลี่ยม<br />
การ ห่อลักษณะนี้เหมาะสำหรับของขวัญที่ไม่มีความหนามาก เช่น กิ๊บติดผม สมุดบันทึก นาฬิกาข้อมือ โดยเริ่มจากตัดกระดาษเป็นแนวยาว พับด้านหนึ่งของกระดาษทำมุม 60 องศา แล้วพับเป็นสามเหลี่ยมเท่าด้านกว้างของกระดาษต่อไปเรื่อย ๆ จนสุดกระดาษพับมุมด้านหนึ่งตามรูป หลังจากนั้นใส่ของขวัญแล้วเสียบปลายสามเหลี่ยมเข้าไปในห่อ สุดท้ายตกแต่งด้วยโบว์อย่างประณีต การห่อแบบนี้ต้องใช้กระดาษที่มีความหนาพอควร เพื่อการอยู่ตัวของรูปทรง

การห่อของขวัญแบบจับจีบ
เป็น การห่อที่เรียบ ๆ แต่มีลูกเล่นที่การพับจีบ ทำให้กล่องของขวัญที่ห่อแบบเบสิกมีมิติและดูพิถีพิถันตั้งใจขึ้น ซึ่งคุณสามารถนำวิธีจับจีบนี้ไปสร้างสรรค์ได้อีกหลายแบบ จะจีบตรง จีบข้าง หรือใช้วิธีต่อกระดาษ 2 สี แล้วค่อยจับจีบก็เก๋ไปอีกแบบ

การห่อของขวัญแบบใช้กระดาษ 2 แผ่น
การห่อของขวัญแบบใช้กระดาษ 2 แผ่น<br />
ควร ใช้กระดาษที่มีลายกับสีพื้นมาต่อกันด้วยเทปกาว 2 หน้า แล้วห่อแบบวิธีเบสิกทั่วไป เสร็จแล้วผูกโบว์ที่มีสีแมตช์กับกระดาษ ถ้าโบว์มีขนาดใหญ่ควรติดกระดาษสีพื้นจะดีกว่า เพื่อไม่บังลายของกระดาษ วิธีจับคู่สีของกระดาษ ควรเลือกกระดาษสีพื้นให้ใกล้เคียงกับสีของกระดาษลาย หรือเลือกกระดาษลายเนื้อด้านคู่กับกระดาษสีพื้นมันวาว

การห่อของขวัญแบบที่เป็นตุ๊กตา<br />
นำ กระดาษมาห่อรอบ ๆ ตุ๊กตาจัดแต่งให้สวยงาม นำริบบิ้นสีแดงมาผูกรอบตุ๊กตาเป็นโบว์ให้แน่น หลังจากนั้นนำริบบิ้นสีเขียวมาผูกรอบตุ๊กตาในลักษณะเดียวกันกับริบบิ้นสีแดง ตัดริบบิ้นลวดสีทองที่มุมด้านหนึ่ง แล้วดึงริบบิ้นลงค่อย ๆ ม้วนจนเป็นรูปดอกกุหลาบ นำริบบิ้นสีทองที่ม้วนเป็นดอกกุหลาบแล้วร้อยเข้ากับริบบิ้นสีเขียว เพียงแค่นี้ก็ได้ตุ๊กตาสวย ๆ ด้วยฝีมือของคุณเอง

อื่นๆเพิ่มเติม

วิธีการห่อของขวัญ
วิธีการห่อของขวัญ
วิธีการห่อของขวัญ
วิธีการห่อของขวัญ
READ MORE - รวมสุดยอดไอเดียและวิธีการห่อของขวัญแบบเก๋ๆ

เผยเทคนิคใส่กางเกงขาสั้น ให้เหมาะกับรูปร่าง

19.12.52

วิธีการใส่กางเกงขาสั้น ให้เหมาะกับรูปร่าง

สาวที่มีช่วงล่างใหญ่

เชื่อว่าช่วงสะโพก และต้นขาใหญ่เป็นปัญหาที่ทิ่มแทงใจสาวที่อยากนุ่งสั้นทุกราย การพยายามปกปิดด้วยกางเกงทรงหลวมขนาดใหญ่ ยิ่งจะทำให้ช่วงล่างของคุณดูใหญ่เทอะทะ ควรเลือกกางเกงเอวต่ำพอดีตัว ยาวระดับเข่า แต่อย่าให้ช่วงขาเรียวสอบจนเกินไปเท่านี้ก็จะช่วยอำพรางต้นขาและส่วนล่างที่ใหญ่ได้ค่ะ

สาวที่รูปร่างเล็กกะทัดรัด

สาวหุ่นเล็กบอบบางอาจดูเหมือนไม่มีปัญหาในการเลือกกางเกงขาสั้น แต่จริง ๆ แล้วถ้าจะให้เหมาะกับรูปร่าง ควรเลือกกางเกงขนาดสั้นสักนิด และพอดีตัว เพราะจะทำให้ช่วงขาดูยาวขึ้น หากสวมกางเกงที่ไม่สั้นมาก แถมยังติดแถมผ้าระบายรุงรัง ช่วงเรียวขาของคุณก็จะถูกกลืนหายไปในเนื้อผ้าค่ะ

สาวที่รูปร่างมาตรฐานทั่วไป

สาวที่รูปร่างมาตรฐานทั่วไป สาว ๆ ที่มีรูปร่างอย่างนี้อย่าเพิ่งมั่นใจว่ากางเกงทรงไหน ก็ใส่แล้วดูดี การเลือกกางเกงขาสั้นยาวระดับเข่าที่เป็นทรงกระบอกตรง ๆ จะทำให้ต้นขาของคุณดูใหญ่ขึ้น มองเผิน ๆ เหมือนเป็นคนต้นขาใหญ่ ทางที่ดีควรเลือกกางเกงขาสั้น ที่ขากางเกงสอบไปตามเรียวขา และปลายกางเกงบานออกเล็กน้อย จะช่วยทำให้รูปร่างของคุณดูเพรียวบางขึ้นค่ะ
แฟชั่นกางเกงขาสั้น

ใครที่เคยไม่มั่นใจกับการใส่กางเกงขาสั้น คงจะมองเห็นแนวทางเลือกทรงที่เหมาะกับรูปร่างของตัวเองแล้วนะคะ มั่นใจแล้วก็ลุยเลยค่ะ
link:www.tttonline.net
READ MORE - เผยเทคนิคใส่กางเกงขาสั้น ให้เหมาะกับรูปร่าง

วิธีการให้อาหารเม่นแคระ

18.12.52

วิธีการให้อาหารเม่นแคระ
การให้อาหาร จำพวก ผัก และผลไม้ ควรที่จะคอยระวังปัญหาที่อาจจะเกิดตามมา

ซึ่ง การให้อาหารจำพวกนี้ เราควรที่จะทำความสะอาด และ คอยตรวจดูอยู่เสมอ ว่าเม่นนั้นได้กิน หมดหรือไม่ เพราะอาหาร

จำพวกนี้บางชนิด เมื่อทิ้งไว้นาน อาจจะทำให้ เน่า หรือเสียได้ครับ และ ถ้า มีการบูด หรือเสีย แล้วมันนั้นได้มากิน ก็อาจจะทำให้

เม่นนั้น ท้องเสีย ตามมาได้ด้วยครับ

ซึ่งโดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อน สิ่งเหล่านี้ เป็นสิ่งที่ควรระวังเป็นอย่างมากครับ

ในช่วงที่อากาศร้อนนี้อาหารจะ เสียได้ไว กว่าปกติครับ สำหรับสมาชิกบางอ่านอาจจะอยากรู้ว่า เราสามารถให้ ผักและผลไม้

ชนิดใหนบ้าง ระหว่างที่ ผมและ พี่ๆภายในเว็บ ได้ปรึกษา เกี่ยวกับหัวข้อนี้ ก็ได้ข้อ สรุป และข้อแนะนำมาให้เพื่อนๆได้อ่านและ

ศึกษากันครับ นอกจากที่ผมแนะนำมาแล้วในข้างต้น ครับ
วิธีการให้อาหารเม่นแคระ

- เรื่องความสะอาด และ สารพิษ

ผักและ ผลไม้บางชนิดนั้น มีการฉีดยา เพื่อป้องกันพวกแมลง หรือ หนอน ต่างๆสารเหล่านี้นั้นอาจจะเปรียบเสมือน

ยาพิษสำหรับเม่นแคระได้ครับ ดังนั้น ก่อนที่เราจะให้อาหารจำพวกนี้ ควรที่จะตรวจดูและ ทำความล้างสะอาด ให้ดีก่อนนะครับ

- ไม่ควรทิ้งอาหารไว้ข้ามวัน

อย่างที่แนะนำไปในข้างต้นแล้วนั้นครับ อาหารจำพวกผักผลไม้นั้นเป็น อาหารจำพวกที่ มีการเน่าเสียได้ง่ายครับ

เราควรที่จะเก็บทิ้ง เมื่อเม่นนั้นไม่ กินแล้วครับ แต่โดยปกติแล้ว เม่นก็ไม่ค่อยจะชอบกินสักเท่าใหร่ครับ

- การให้เยอะจนเกินไป

สำหรับเม่นแล้ว อาหารจำพวกนี้ อาจจะไม่ใช่ของโปรด เลยก็ว่าได้ครับ แต่ถึงอย่างไรแล้วก็ จะอยู่ที่นิสัยของเม่นแต่ละตัวด้วยครับ

เม่นบางตัวอาจจะชอบกิน ผลไม้มากกว่าผัก หรือ บางตัวอาจจะไม่ชอบทั้ง สองอย่างเลยก็ว่าได้ครับ

- ผลไม้ ที่ส่วนมาให้กินกัน

สำหรับผลไม้ที่ สามารถให้กินได้ หรือ ที่มีการให้กินกัน ก็จะมี แอปเปิ้ล ฝรั่งแบบไม่มีเม็ด ชมพู่ เป็นต้นครับ

ผลไม้นั้นส่วนใหญ่จะมี พวกน้ำตาลสูงครับ และ สำหรับ พวกผัก ก็จะมีพวก กากใยอาหาร ไฟเบอร์สูงครับ อย่างไรสำหรับผู้ให้ก็

ควรระวังด้วยนะครับ

- ควรหลีกเลี่ยงอาหารบางชนิด

เราควรหลีกเลี่ยง ผลไม้ ที่มีรสเปรี้ยว ผลไม้ที่มีรสเปลือกแข็ง และ เมล็ดผลไม้ เพราะสิ่งเหล่านี้อาจจะทำให้เม่นนั้น

มีปัญหาเรื่อง ลำไส้อึดตัน ได้ครับ

- ส่วนมากให้แล้วเป็นอย่างไร

ส่วนมากแล้ว เม่นจะไม่ค่อยกิน ครับอันนี้ผมว่า เป็นสิ่งปกติครับ เพราะว่าโดยธรรมชาตินั้น เม่นก็กินอาหารจำพวก เนื้อสะมากกว่าครับ

หากเป็นอาหารจำพวกผัก ผมว่าน้อยครับ แต่ถ้าเป็นผลไม้ ผมว่าอาจจะมีบ้างครับ เพราะว่า ในธรรมชาติ เม่นอาจจะกินผลไม้

จากที่หลนจากต้นไม้ก็ได้ครับ อันนี้อาจจะเป็นเพียงความคิดเห็นของผมนะครับ อิอิ

- ขอแนะนำเสริมอีกนิดนะครับ

เราไม่ควรให้อาหารจำพวกผัก ผลไม้ ในขณะที่เม่นนั้นท้องแก่ หรือ เม่นที่มีลูก หรือ เลี้ยงลูกอยู่ครับ เพราะว่าถ้าเกิดสิ่งเหล่านี้เรา

ป้องกันไม่ดีอาจจะทำให้ท้องเสียได้ครับ แล้ว ผลที่ตามมาอาจจะมีผลกระทบต่อลูกของเม่นได้ครับ

อาหารต่างๆเหล่านี้ ไม่ควรให้เป็นประจำ อาจจะไม่ให้เลยก็ได้เหมือนกันครับ แต่ถ้าถามว่าให้แล้วดีใหม ผมว่าก็น่าจะมีส่วนดีกว่า

ไม่ให้เลยครับ แต่ถ้าถามว่า ไม่ให้เลยได้ใหม ผมขอตอบว่าได้ครับ เพราะว่า สารอาหารบางอย่างที่มีในผลไม้และ ผัก นั้นเราสามารถ

หาอาหารชนิดอื่น มาแทนพวกผักและผลไม้ ก็ได้ครับ
READ MORE - วิธีการให้อาหารเม่นแคระ

วิธีการทำกรอบรูปวิทยาศาสตร์

17.12.52


วิธีการเคลือบรูปวิทยาศาสตร์ ได้เกิดขึ้นในประเทศไทยประมาณปี 2509 ซึ่งชื่อทางการค้าว่า กรอบรูปวิยาศาสตร์ เป็นการเคลือบรูป ให้เกิดความสวยงานและเป็นการบำรุงรักษาสภาพของรูปให้อยู่คงทนไม่ชำรุดหรือมัว เนื่องจากความชื้นหรือเกิดเชื้อราที่รูปภาพ

วัสดุและอุปกรณ์

1.เรซิ่นเคลือบรูป (ชื่อทางการคือ โพลิเอสเทอร์เรซิ่นชนิดไม่อิ่มตัว หรือ Unsaturated Polyester Resin) เบอร์ KC-228-W
ซึ่งผสมตัวเร่งปฏิกิริยา (Accelerator) หรือ (Promoter) แล้วเป็นพลาสติกเหลวมีหลายสี เช่น แดง ม่วง ใสมีกลิ่นฉุน
ตัวทำให้แข็งหรือตัวเน่งปฏิกิริยา (Catalyst หรือ Hardener) ชื่อทางเคมี MEKP มีลักษณะเหลวใสไม่มีกลิ่น กลิ่นฉุนแรงกัดมือ ระวังอย่าให้เข้าตา


2.อะซิโตน (Acetone) มีลักษณะของเหลวใสไม่มีสี กลิ่นฉุนแรงกว่าทินเนอร์ ติดไฟง่าย ใช้ล้างโพลิเอสเตอร์หรือเริซิ่นเคลือบรูป
3.กรอบรูป (ไม้แผ่น) ใหญ่กว่ารูปภาพ ปรกติใช้ไม้ MDF เป็นไม้ยางพาราชนิดดี หรือใช้ไม้ PB ไม้ยูคาก็ได้
4.กระดาษลายไม้ หรือลายหน้า ใช้ปิดรอบรูปเพื่อความสวยงาม
5.รูปโปสการ์ด รูปถ่าย ใบประกาศ หรืออื่นๆที่ต้องการเคลือบ
6.กาวลาเท็กซ์ เพื่อติดรูป และลายไม้
7.ฟิล์มไมล่าร์ หนา 70-180 ไมครอน ขนาดใหญกว่าภาพอย่างน้อย 1 นิ้ว
8.ลูกกลิ้งใช้รีดรูปให้เรียบ และใช้ไล่ฟองอากาศในเรซิ่น
9.ถ้วยพลาสติก
10.ไม้กวน
11.มีดคัตเตอร์
12.ขอบข้าง มีลายไม้ และสีดำ เป็นสติกเกอร์ ใช้ติดด้านข้างรูป
13.ดิ้นทอง ใช้ตัดขอบรูป
14.ไขควง
15.น๊อต
16.หูขา
17.หูแขวน
18.ขาตั้งพลาสติก
19.กระดาษกาวย่น ขนาด 10 มิล หรือใหญกว่าด้านข้างแผ่นไม้
20.กระดาษทรายน้ำ เบอร์ 150
21.กาวกันซึม

การเตรียมอุปกรณ์

เตรียมรูป

รูปที่ใช้ในการทำกรอบรูปวิทยาศาสตร์ แบ่งออกเป็น 2 ประเภท
รูปที่สามารถเคลือบได้ เช่น รูปถ่าย
รูปที่ต้องการทาน้ำยากันซึมก่อนจึงจะเคลือบได้ เช่นรูปจากหนังสือนิตยาสาร ธนบัตร ใบประกาศนียบัตร รูปโปสเตอร์

การเตรียมไม้


ไม้ที่ใช้ติดรูปเพื่อทำกรอบวิทยาศาสตร์ ได้แก่ไม้ MDF หรือเรียกว่าไม้อัด มีความหนาตั้งแต่ 3 มม. ถึง 9 มม.
เลือกขนาดไม้ให้เหมาะสมกับรูป
ด้านบนหรือด้านข้างจะต้องเรียบไม่ขรุขระหรือเป็นหลุม

วิธีทำกรอบรูปวิทยาศาสตร์

1.ติดกระดาษลายไม้กับไม้อัดทั้งสองด้านโดยทากาวที่ไม้อัดตลอดทั้งแผ่นให้เรียบและไม่หนาจนเกินไป นำกระดาษลายที่ตัด
ไว้มาติดลงบนแผ่นไม้โดยใช้ลูกกลิ้ง กลิ้งให้เรียบและไม่มีฟองอากาศ ใช้คัตเตอร์ ตัดส่วนเกินจากไม้ให้ชิดขอบไม้ทุกด้าน
2.ติดเทปกระดาษย่นหรือเทปใส ที่ขอบของแผ่นไม้ ไม้อัดหนา 10 มม. โดยรอบให้ขอบเทปเสมอผิวด้านบนของแผ่นไม้ที่จะ
3.ติดรูปพับเทปส่วนเกินไว้ด้านหลังให้แนบติดผิวหน้าไม้ด้านหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยาเรซิ่นเกาะขอบไม้และไหลลงไปเปื้อนด้านหลังรูป
4.ทากาวลาเท็กซ์ ด้านหลังของรูปให้เสมอกันไม่ต้องมากจนเกินไปเพราะจะทำให้แห้งช้า (รูปที่นำไปทากาวควรรีดให้ตรงไม่โค้ง ถ้ามีขอบเยินควรใช้มีดคัตเตอร์แต่งให้เรียบร้อยก่อน)
5.ติดรูปที่ทากาวแล้วบนไม้อัดที่เตรียมไว้ ใช้ลูกลิ้งกลิ้งให้เรียบและไม่มีฟองอากาศ
6.ติดดิ้นเงินดิ้นทองรอบรูปทั้ง 4 ด้าน ตามต้องการควรติดให้ชิดขอบรูป
7.ทาน้ำยากันซึมในกรณีที่ไม่ใช่รูปถ่าย ทาน้ำยากันซึมควรทาประมาณ 2-3 ครั้ง แต่ละครั้งจะต้องทิ้งให้แห้งเสียก่อน
8.นำรูปที่เตรียมเรียบร้อยแล้ววางลงบนที่รองสูงจากพื้นประมาณ 1-2นิ้ว ควรปูกระดาษหนังสือพิมพ์ เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำยาเรซิ่นเกาะที่ขอบไม้และไหลลงไปเลอะที่พื้น
9.เทเรซิ่นเคลือบรูป KC-288 ลงในถ้วยพลาสติกที่เตรียมไว้ประมาณ 30-40 ซีซี หยดตัวทำให้แข็งลงไปประมาณ 0.5% หรือประมาณ 3-4 หยด (เรซิ่นประมาณ 1 ซีซี ต่อพื้นผิว 7-8 ตร.ซ.ม.) ใช้ไม้กวนให้เข้ากัน โดยกวนบริเวณขอบถ้วยด้วยอย่ากวนนานเกินไปเรซิ่นจะเป็นวุ้นแข็งตัวเสียก่อน ไม่เกิน 1 นาที
10.ทิ้งเรซิ่นไว้ซักครู่ เพื่อให้ฟองอากาศลอยออก จึงเทเรซิ่นที่ผสมแล้วลงตรงกลางรูปนำแผ่นฟิล์ม ไมล่าร์ที่ขึงไว้กับเฟรม วางทับลงบนน้ำยาเรซิ่น แล้วใช้ลูกกลิ้ง กลิ้งบนแผ่นฟิล์ม ให้น้ำยาเรซิ่นวิ่งไปจนไม่มีฟองอากาศ(การกลิ้งจากกลางรูปออกไปทั้ง 4 ด้าน และออกแรงกดพอประมาณ ใช้เวลาในการกลิ้งไม่ควรเกิน 6 นาที)
11.ทิ้งเรซิ่นให้แห้งสนิทประมาณ 2-3 ชั่วโมง หรือสังเกตุจากรซิ่นที่ย้อยติดด้านล่างดูจะแข็งคล้ายเม็ดข้าวสาร แห้ง หรือทดลองหยิกดูจะหยิกไม่แตก หากยังนิ่มแสดงว่ายังไม่แข็งพอ เมื่อเรซิ่นแข็งตัวแล้วให้ใช้ปากกาเมจิกสีดำทำเครื่องหมายที่มุมทั้งสี่ เพื่อที่จะได้นำฟิล์มไมล่าร์ไปใช้ในครั้งต่อไป ได้โดยสะดวกขึ้น
12.เมื่อเคลือบครั้งที่หนึ่งแล้วจะเคลือบอีกกี่ทีก็ได้ แต่ต้องใช้กระดาษทรายน้ำชนิดหยาบปานกลางเบอร์ 120-140 ลูบบริเวณขอบที่เป็นลายไม้ผิวหยาบ อย่าขัดบริเวณตรงกลางรูปเพื่อให้เรซิ่นเกาะติดแน่นกับ เรซิ่นที่เคลือบครั้งแรก ผิวที่ขัดจะกลายเป็นฝ้าสีขาวอย่าตกใจเพราะเมื่อเรซิ่นครั้งที่ 2 เคลือบทับลงไปจะใสเหมือนเดิม
13.ดึงเทปและเรซิ่นที่ติดขอบออก
14.ใช้กระดาษทรายชนิดหยาบปานกลางพันรอบแท่งไม้รูปสี่เหลี่ยมขัดขอบให้เรียบเสมอกัน ขณะขัดไม่ควรใช้นิ้วมือกดหรือจับผิวที่เคลือบเรซิ่น เพราะอาจเกิดรอยนิ้วมือได้อันเนื่องมาจากมือสกปรก (ทางที่ดีควรใช้กระดาษหรือเทปปิดทับผิวหน้าก่อนขัด)
15.ติดขอบข้างรอบรูปทั้ง 4 ด้านให้เรียบร้อย ทำความสะอาด
16.ติดขาตั้งหรือโซ่แขวนกับกรอบรูป

ตัวอย่างกรอบรูปวิทยาศาสตร์ที่ทำเสร็จแล้ว



ข้อควรระวัง

ฮาร์ดเดนเนอร์ หรือตัวทำให้แข็ง ถ้าถูกผิวหนังควรใช้สบู่ล้างดีกว่าผงซักฟอก เพราะเป็นกรดชนิดหนึ่ง
น้ำยาเรซิ่นมีอายุการใช้งานประมาณ 1-2 เดือน ไม่ควรเก็บไว้ที่ร้อนจัด ควรเก็บไว้ที่ทึบแสง อุณหภูมิประมาณ 20-30องศาเซลเซียส
การผสมเรซิ่นกับตัวทำให้แข็ง ถ้าอากาศร้อนควรลดปริมาณตัวทำให้แข็งลง ถ้าอากาศเย็นควรเพิ่มประมาณตัวทำให้แข็งมากขึ้น
การคนน้ำยาไม่ทั่วถึง จะทำให้เรซิ่นแข็งตัวผสมไม่เสมอกัน
การเก็บและทำความสะอาดแผ่นฟิล์มไมล่าระวังอย่าให้แผ่นฟิล์มหักหรือเป็นรอย
รูปถ่ายที่เป็นกระดาษอัดรูป ยกเว้นกระดาษพิมพ์ต่างๆ ถ้าเปื้อนกาวหรือลอยนิ้วมือใช้ทินเนอร์เช็ดทำความ สะอาดได้ แต่อย่าให้ถูกกระดาษไม้เพราะจะทำให้กระดาษลายไม้ลอกทันที
ขอบคุณข้อมูล : http://www.vittayapun.com/
READ MORE - วิธีการทำกรอบรูปวิทยาศาสตร์

เทคนิคและเคล็ดลับวิธีการใช้งานโนเกีย N76

15.12.52

เทคนิคและเคล็ดลับวิธีการใช้งานโนเกีย N76
1. ปรับแต่งหน้าจอด้านนอก

ในการเปลี่ยนภาพหน้าจอด้านนอก กดปุ่มเมนูและเลือก Tools > Themes > Cover personalise นอกจากนี้คุณยังสามารถกำหนดเสียงขณะเปิดและปิดฝาพับได้ด้วย
2. ทวนหมายเลขโทรออกล่าสุดอัตโนมัติ

ด้วยฟังก์ชั่นทวนหมายเลขโทรออกล่าสุดอัตโนมัติ โทรศัพท์ของคุณจะทำการโทรซ้ำให้อัตโนมัติสูงสุด 10 ครั้งหากไม่สามารถติดต่อได้ ในการหยุดการทำงาน กดปุ่มวางสาย การเปิดใช้งานคุณสมบัตินี้ให้ไปที่ Tools > Settings > Phone > Call และเปลี่ยนการตั้งค่า automatic redial
3. ติดตั้งแอพพลิเคชั่นจากเครื่องคอมพิวเตอร์

คุณสามารถใช้ Nokia Application Installer ในโปรแกรม Nokia Nseries PC Suite เพื่อติดตั้งแอพพลิเคชั่นลงในโทรศัพท์ของคุณ
4. แก้ไขรายชื่อติดต่อด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์

คุณสามารถทำการเพิ่มและแก้ไขรายชื่อติดต่อได้ด้วยการใช้ Nokia Contacts Editor ในโปรแกรม Nokia Nseries PC Suite
5. ขณะนี้เป็นเวลาเท่าไรในโตเกียว?

เปิด world clock เพื่อดูเวลา เลือก Clock และเลื่อนไปทางขวาในแท็บที่ 3 ในขณะดูเวลาคุณสามารถเลื่อนดูเวลาของเมืองต่างๆ ได้ การเพิ่มชื่อเมืองเลือก Options > Add city คุณสามารถเพิ่มชื่อเมืองได้สูงสุด 15 รายการ
6. ตั้งเวลาอัตโนมัติ

ในการเปิดคุณสมบัติให้เครือข่ายโทรศัพท์เคลื่อนที่อัพเดทวัน,เวลา และเขตเวลาในโทรศัพท์ของคุณ (บริการจากเครือข่าย) ไปยัง เมนู Settings > Clock และเลือก Network operator time > Auto-update
7. ใช้คำสั่งเสียง

คุณสามารถใช้คำสั่งเสียงเพื่อควบคุมการทำงานของโทรศัพท์ การใช้คำสั่งเสียงเพื่อเรียกใช้แอพพลิเคชั่นและ
โพรไฟล์ กดปุ่ม เมนู และเลือก Tools > Voice comm. > Profiles

เคล็ดลับและวิธีการปรับแต่งโทรศัพท์มือถือ

link: www.nokia.co.th
READ MORE - เทคนิคและเคล็ดลับวิธีการใช้งานโนเกีย N76

Google Phone วางตลาดต้นปีหน้า ต้อนรับปีใหม่นี้

14.12.52

Google Phone
รายงานข่าวล่าสุด กูเกิ้ล (Google) มีแผนที่จะจำหน่ายสมาร์ทโฟนให้กับผู้ใช้ทั่วโลกในปีหน้า (2010) ประเด็นที่น่าประหลาดใจก็คือ กลยุทธ์ของกูเกิ้ลโฟนก็คือ มันจะเป็นสมาร์ทโฟนที่ไม่ง้อผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือ (Operator) เช่นเดียวกับบริษัทผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายอื่นๆ ในท้องตลาด

กูเกิ้ลโฟนที่จะออกมามีชื่อเรียกว่า Nexus One ผลิตโดยบริษัท HTC โดยระบบปฏิบัติการที่ใช้จะเป็น "แอนดรอยด์" (Android 2.1) เช่นเดียวกับโมโตโรลา และมือถือจากผู้ผลิตอีกหลายราย ซึ่งทางกูเกิ้ลวางแผนที่จะจำหน่ายมือถือรุ่นนี้บนออนไลน์ ข้อมูลจากแหล่งข่าว งานนี้คาดว่า การใช้บริการจากโอเปอเรเตอร์ ผู้ใบริโภคอาจจะต้องซื้อแยกต่างหากจากมือถือ

ดูเหมือนกลยุทธ์ของกูเกิ้ลจะเป็นการท้าทายผู้ให้บริการเครือข่ายสองรายยักษ์อย่าง Sprint และ Verizon รวมถึงการท้าชนไอโฟน (iPhone) ของแอปเปิ้ล (Apple) ซึ่งน่าจะเป็นครั้งแรกที่กูเกิ้ลคิดหารายได้จากการจำหน่ายอุปกรณ์ให้กับผู้บริโภคโดยตรง และไม่ใช่โฆษณาออนไลน์ แต่มันอาจจะดูช้าไปหรือเปล่าสำหรับการตัดสินใจครั้งนี้ของกูเกิ้ล อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์เชื่อว่า กูเกิ้ลน่าจะใช้สมาร์ทโฟนของบริษัทเป็นช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลของลูกค้าชั้นดี เพื่อแลกกับการขายโฆษณา (เพื่อเจาะใจลูกค้ากลุ่มนี้) มากกว่าหารายได้จากฮาร์ดแวร์เช่นเดียวกับโนเกีย หรือ RIM ปัจจุบันกูเกิ้ลได้ให้พนักงานในบริษัทได้ใช้กูเกิ้ลโฟนแล้ว

Update: ข้อมูลล่าสุดระบุว่า Nexus One จะวางตลาดมกราคม 2010 และจะไม่ขายผ่านโอเปอเรเตอร์รายใดรายหนึ่งเหมือนมือถือรุ่นอื่นๆ ทำงานด้วย Android 2.1 ผู้ที่ได้ใช้งานยังอ้างอีกว่า มันทำงานได้เร็วมากๆ โดยใช้ชิป Snapdragon ของ Qualcomm และหน้าจอระบบสัมผัส OLED ทีคมชัดด้วยความละเอียดสูง บางกว่า iPhone และไม่มีคีย์บอร์ด อีกทั้งยังมาพร้อมกับไมโครโฟน 2 ตัว โดยไมค์ที่เพิ่มขึ้นมาด้านหลังจะช่วยลดเสียงรบกวนจากภายนอก และกล้องขนาดใหญ่ สำหรับใครที่ไม่ชอบพิมพ์สัมผัสบนหน้าจอ Nexus One (ชื่ออย่างเป็นทางการของกูเกิ้ลโฟน) ก็จะสามารถใช้คุณสมบัติ Vocie-to-Text หรือการสั่งให้พิมพ์ตามด้วยเสียงของคุณได้อีกด้วย
READ MORE - Google Phone วางตลาดต้นปีหน้า ต้อนรับปีใหม่นี้

Win 7 ปลอดภัยน้อยกว่า Vista จริงหรือ?

Windows 7

แม้ฝ่ายการตลาดของไมโครซอฟท์จะพยายามปกปิดอย่างไร แต่ดูเหมือนเหล่าบรรดานักพัฒนายังคงต้องการเปิดเผยข้อเท็จจริงทีว่า Windows 7 เป็นระบบปฏิบัติการที่ได้รับการพัฒนาต่อยอดมาจาก Windows Vista อยู่ดี อย่างไรก็ตาม เรื่องมันไม่ได้จบแค่นั้น...

ระบบปฏิบัติการ Windows 7 ได้รับการแก้ไข และปรับปรุงการทำงานหลายๆ อย่างที่ผู้ใช้ไม่ชอบใน Windows Vista แต่ Raimund Genes ประธานฝ่ายเทคโนโลยีของบริษัทระบบรักษาความปลอดถัย Trend Micro กล่าวว่า เขาพบความลับบางอย่างที่ทำให้รู้สึกชอบระบบปฏิบัติการรุ่นก่อนหน้านี้ ซึงก็คือ Windows Vista นั่นเอง แล้วทำไมเขาถึงได้แสดงทรรศนะออกมาอย่างนั้น?
Windows Vista

Genes กล่าวว่า ไมโครซอฟท์ได้ตัดสินใจออกแบบโดยลดการทำงานของระบบความปลอดภัยบางอย่างลง เพื่อแลกกับความสะดวกในการใช้งานที่เพิ่มขึ้นของผู้ใช้ โดยเฉพาะส่วนการทำงานของระบบควบคุมบัญชีผู้ใช้ (User Account Control, UAC) "ผมไม่ได้จะบอกว่า Windows 7 ไม่ปลอดภัย แต่เทียบโอเอสที่แกะออกจากกล่องพร้อมกันแล้ว Vista ดีกว่า" Genes กล่าว "ผมรู้สึกผิดหวังตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ใช้เครื่องที่รัน Windows 7 เนื่องจากมันไม่มีการเตือนว่า ผมไม่มีแอนตี้ไวรัส ซึ่งไม่เหมือนกับ Vista นอกจากนี้มันยังไม่มีการเตือนการซ่อนนามสกุลไฟล์ให้ผู้ใช้ทราบอีกด้วย (เช่น image.jpg.exe ที่จะมองเห็นแค่ .jpg เท่านั้น) แม้กระทั่งเมื่อคุณได้ติดตั้งแอนตี้ไวรัสเข้าไปแล้ว การเตือนว่า มันยังไม่ได้อัพเดตก็แทบจะมองไม่เห็นอีกด้วย"

"Windows 7 อาจจะได้รับการพัฒนาในด้านการใช้งาน แต่ในด้านระบบรักษาความปลอดภัย มันผิดพลาดมากทีเดียวที่ตัดสินใจอย่างนี้ ซึ่งไม่แปลกที่ณ.เวลานี้ นักพัฒนาของไมโครซอฟท์ย่อมเลือกเอาเรื่องของการใช้งาน (usability) เป็นหลักอยู่แล้ว" Genes กล่าวทิ้งท้าย


link:www.zabzaa.com
READ MORE - Win 7 ปลอดภัยน้อยกว่า Vista จริงหรือ?

วิธีการเชื่อมต่อ Internet ผ่าน GPRS โดยใช้มือถือ(ต่อ)

<<<<ขั้นตอนก่อนหน้านี้>>>

วิธีการเชื่อมต่อ Internet ผ่านมือถือ

ก่อนอื่นก็เสียบ สาย datalink กับมือถือและคอมให้มันเจอกันก่อน จากนั้นเปิดโปรแกรม nokia pc suite ขึ้นมาแล้วกดที่ไอคอน "เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต"



กดที่ปุ่ม "กำลังตั้งค่า"


จากนั้นก็จะได้หน้าต่างนี้มา ให้เลือก "Nokia xxxx USB Modem" แล้วกดปุ่มถัดไป


หน้าต่างนี้ให้เลือกผู้บริการเป็น Dtac Thailand แล้วกดปุ่มเสร็จ


ก็จะได้หน้าต่างนี้ ออกมา สังเกตุว่า จะต่างจากตอนแรกคือ จะมีคำว่า Dtac Thailand ขึ้นมาแล้ว



จากนั้นก็ทำการเชื่อมต่อ Internet ได้เลย โดยกดปุ่ม เชื่อมต่อ มันก็จะทำการเชื่อมต่อ จนขึ้นสถานะและความเร็ว จากนั้นหน้าต่างนี้ก็จะถูกย่อลงไปอัตโนมัติ

แล้วก็เริ่มเข้าเวบใช้ Internet ตามปกติ ได้เลย


*** อย่าลืม เมื่อใช้ Internet เสร็จแล้วจะทำการ ตัดการเชื่อมต่อ ก็ให้เปิดหน้าเก่าขึ้นมา แล้วกดปุ่ม "ตัดการเชื่อมต่อ" ก็จะตัด internet ให้เรา ***



ขอบคุณ :http://www.nokia.co.th
READ MORE - วิธีการเชื่อมต่อ Internet ผ่าน GPRS โดยใช้มือถือ(ต่อ)

วิธีการเชื่อมต่อ Internet ผ่าน GPRS โดยใช้มือถือ

วิธีการเชื่อมต่อ Internet ผ่าน GPRS โดยใช้มือถือ Nokia เครือข่าย Dtac

1. เลือก GPRS Package
วิธีการเชื่อมต่อ Internet โดยใช้มือถือ


2. เตรียมความพร้อมอุปกรณ์- มือถือ Nokia
- สาย datalink
- โปรแกรม Nokia Pc Suite (สามารถดาวน์โหลดได้ฟรีที่นี่)

วิธีติดตั้งโปรแกรม Nokia Pc Suite ทำการ download โปรแกรม nokia pc suite โดยเลือกให้ตรงกับรุ่น มือถือที่ท่านใช้อยู่
โดยจะมีให้เลือกทั้ง ภาษาไทย และ ภาษาอังกฤษก็เลือกเป็นภาษาไทยก็แล้วกันจากนั้นก็จะมีหน้าต่างยอมรับ การใช้งานโปรแกรมขึ้นมาก็กดยอมรับ แล้วเวบก็จะให้โหลดตัวโปรแกรมมา
โหลดจนเสร็จก็จะได้ไฟล์ติดตั้งมา


จากนั้นก็ double click เพื่อ ติดตั้งโปรแกรม จะได้หน้าต่างโปรแกรมแบบนี้ขึ้นมา กดลูกศร ถัดไป



กดยอมรับข้อตกลงแล้วกดถัดไป


กดลูกศร next ไปอีก


รอสักครู่ ก็จะได้หน้าต่างโปรแกรมแบบนี้มา ให้เรากดปุ่มถัดไป


เลือก การเชื่อมต่อผ่านสายเคเบิล แล้วกดถัดไป


พอมาถึงหน้านี้ ตัวโปรแกรมจะให้เรา เสียบสาย usb ต่อเข้ากับ มือถือและคอมพิวเตอร์เราก็เสียบไป
พอเราเสียบ แล้วเครื่องคอมเจอมือถือมันก็จะติดตั้ง driver จนเสร็จ ในระหว่างนี้ที่มือถือของเราให้สังเกตุว่า ตัวโปรแกรม จะติดตั้ง โปรแกรมเชื่อมต่อลงที่โทรศัพท์ ด้วย ให้เรากดยอมรับที่โทรศัพท์มือถือด้วย


เสร็จแล้วครับ กดที่ปุ่มเสร็จ


เป็นการเสร็จวิธีลงโปรแกรม Nokia Pc suite ก็จะได้ ตัวโปรแกรมและสถานะเชื่อมต่อ มาแบบนี้
** หมายเหตุ โปรแกรม นี้มันจะรันตัวเองทุกครั้งที่เปิดเครื่อง หากครั้งหน้าเสียบสาย โปรแกรมมันก็จะเจอมือถือเองโดยอัตโนมัติ



อ่านต่อที่นี่นะครับ....
READ MORE - วิธีการเชื่อมต่อ Internet ผ่าน GPRS โดยใช้มือถือ

วิธีถอดหน้ากากNOKIA N73

13.12.52

วิธีการก็ง่ายๆครับ
ดูตามคลิปเลย


วิธีถอดหน้ากาก N73
READ MORE - วิธีถอดหน้ากากNOKIA N73

วิธีการติดตั้ง Wireless Access Point ของ D-Link DWL-2000AP+

สำหรับวิธีการ setup อย่างง่ายๆ เพื่อทดลองการเชื่อมต่อ ระหว่างอุปกรณ์ชิ้นต่างๆ นั้น ขอแนะนำให้ลองใช้ Setup Wizard เลยครับ ง่ายดี โดยเฉพาะการ Setup ของ D-Link DWL-2000AP+ นี้ไม่ต้องลงโปรแกรมอะไรเลยครับ
หลังจากที่แกะกล่องออกมาแล้ว ผมก็จัดการเสียบสาย Power เข้ากับตัว Wireless Access Point ทันที พร้อมทั้งเสียบสาย LAN เพื่อเชื่อมต่อระหว่าง Wireless Access Point กับเครื่องคอมพิวเตอร์ครับ
วิธีการติดตั้ง Wireless Access Point ของ D-Link DWL-2000AP+
การติดตั้ง Hardware เรียบร้อบแล้วครับ ต่อไปก็จะเป็นการตั้งค่าตัว Wireless Access Point กันบ้าง ขั้นแรกเลยก็ให้เปิด Web Browser ขึ้นมา ในที่นี้ผมขอใช้ Microsoft Internet Explorer นะครับ จากนั้นก็พิมพ์ 192.168.0.50 ไปที่ช่อง Address ตามรูปแล้วก็กด Enter ครับ หลังจากนั้นก็จะมี Windows เล็กๆโผล่ขึ้นมา ถาม Username และ password ครับ สำหรับ Wireless Access Point ของ D-Link ที่เพิ่งแกะกล่องออกมา จะตั้งค่า Username เป็น admin แต่ไม่มี password ครับ ทีนี้เราก็ป้อน admin ไปในช่อง Username แล้วก็คลิ๊กปุ่ม OK ได้เลยครับ


วิธีการติดตั้ง Wireless Access Point ของ D-Link DWL-2000AP+
READ MORE - วิธีการติดตั้ง Wireless Access Point ของ D-Link DWL-2000AP+

10 สถานที่ดักหาแฟน

6.12.52


1. ในห้องเรียน

ในห้องเรียนเนี่ยนะ จะเป็นการเรียนในด้านใด ก็ได้ แต่อยากแนะนำให้เข้าคอร์สเรียนตลกกันดีกว่า เพราะคนที่ไปเรียนคอร์สนี้มักสดใสร่าเริง ดังนั้นโอกาส ที่คุณจะได้เจอกับคนรักสนุก หรือพูดง่ายๆว่า คอเดียว กันก็เยอะมากเท่านั้น โอกาสจะสร้างสัมพันธ์ก็ง่ายขึ้น

2. สนามกีฬา

แม้ว่าคุณจะไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับกีฬาเลยสักนิด แต่สาวๆ สามารถสนุกสนาน กับการนั่งอยู่ภายนอกสนามกีฬาได้นี่นา ประโยชน์ที่คุณจะได้รับกลับมาที่นี่ นอกเหนือจากการนั่งเชียร์กีฬาประเภทที่คุณรู้ มั่ง-ไม่รู้มั่งก็คือ มีชายหนุ่มเยอะจะตายที่นิยมกีฬา เป็นชีวิตจิตใจ และพวกเขานั่งขนาบคุณไว้ทั้งหน้า และหลังซะด้วยซี ฉะนั้นสนามกีฬานี่แหละเป็นศูนย์ รวมของหนุ่มน้อยและหนุ่มใหญ่ที่จะดาหน้ามาให้ คุณเลือกตรึม

3. ชมรมดนตรี

ชวนกลุ่มเพื่อนสาวๆไปไนต์คลับที่มีวงดนตรีเล่นสิ คุณอาจพบกับหนุ่มกลัดมัน เอ๊ย...กลุ่มหนุ่ม นักดนตรี ซึ่งต้องมีสักคนสิน่าที่หน้าตาพอดูได้และเขาก็สนใจคุณด้วย แต่อย่าไปหลงใหลกับเสียงดนตรีให้มากนัก เพราะมีนะศิลปินนักร้องที่ส่งเสียงร้องเพลง ทรมานใจคุณให้ละลายได้แถมคุณก็ปลื้มเขาบนเวที ซะด้วย แต่พอลงจากเวที เขาอาจเป็นหนุ่มไม่น่าพิสมัย เอาซะเลยในชีวิตจริงก็ได้ เพราะเจ้าความเป็นศิลปิน ที่ไม่อยู่กะร่องกะรอย อยากทำอะไรก็ทำ ไม่สนใจสังคม และคนรอบข้างนี่แหละอาจทำให้ชีช้ำล่ะ

4. การประชุมทางธุรกิจ

การพบและพูดคุยเพื่อเสริมความก้าวหน้าใน หน้าที่การงานของคุณ คือแรงจูงใจที่จะช่วยให้คุณได้พบคนรักได้นะ ส่วนใหญ่การประชุมทางธุรกิจ หรือ การสัมมนาเต็มไปด้วยคนใหม่ๆที่ฉลาดและมีความทะเยอทะยานสูง คนเหล่านี้แหละที่จะเป็นเพื่อนพูดคุย ที่ดีของคุณได้ เอางี้ รุกด้วยบทสนทนาที่เกี่ยวกับ ผลประโยชน์ทางด้านธุรกิจระหว่างคุณกับเขาก่อน จากนั้นถามเขาว่า คุณประสบความสำเร็จอย่างทุกวันนี้ได้อย่างไรนะ? จะช่วยให้หนูเรียนรู้เส้นทางชีวิต ของเขาก่อนตัดสินใจผูกสมัครรักใคร่กันไงล่ะ ขยันถามเรื่องหน้าที่การงานของเขาเข้าไปเหอะ เดี๋ยวก็มี ปลามาติดเบ็ดเองหละ

5. บริจาคเลือด

ผู้ชายที่กล้าบริจาคเลือดให้โรงพยาบาล หรือแม้แต่ สภากาชาด แสดงว่าเป็นคนมีน้ำใจเอื้อเฟื้อและเห็นอกเห็นใจผู้อื่น เหตุนี้ถ้าสาวใดไปป้วนเปี้ยนอยู่แถวๆสถานบริจาคโลหิตแล้วได้ผูกไมตรีกับหนุ่มน้อย หน้าใสสักคนสองคนละก็ ถ้าสามารถจูนคลื่นความเลิฟได้ก็ดีน่ะเซ่ อ้อ อย่าลืมขอเบอร์โทร. และให้เบอร์ของคุณกับเขาด้วยนะ อ่อยให้ สุดๆก่อนจะไม่ได้อ่อย ...ตรงไปรึเปล่า?

6. ที่ประชุมวิทยาศาสตร์ล้ำยุค

คุณอาจพบชายที่หน้าตาเหมือนตัวตลกสักหน่อยที่นั่น บางคนงี้ใส่แว่นซะหนาเตอะ ดูเป็นเด็กเรียนมากกว่าเป็นคนทันสมัยหรือตามแฟชั่น อย่างไรก็ตาม คนแบบนี้ไม่ค่อยกะล่อนเท่าไหร่ จึงอาจ ไม่เปรี้ยวจัดจนเข็ดฟัน แต่คุณจะได้พบกับคนที่ดูฉลาดมีมันสมองแบบไอน์สไตน์อะไรปานนั้น ถ้าอยากได้แฟนมีสมองดีแทนหน้าตาดีละก็ สถานที่อย่างนี้ล่ะชวนให้มีแฟนยิ่งนัก

7. ที่ผับหรือบาร์

ถ้ารู้ตัวว่าไม่ชอบไฮโซไฮเซอร์เท่าไหร่ก็อย่า ไปหา "คนรู้ใจ" ที่สปอร์ตคลับสุดหรูเลยพับผ่า เพราะที่นั่นจะเต็มไปด้วยสาวๆเซ็กซี่ หัวสูง หรือชายเจ้าสำอาง ซึ่งลองชั่งใจดูละกันว่าเหมาะกะคุณไหม? ถ้าใช่ก็ลุย แต่ถ้าไม่ก็เลี่ยงไปผับ หรือบาร์เล็กๆเถอะ คุณจะได้พบหนุ่มน่ารัก ชอบทำตัวสบายๆ แต่สันหลัง ยาว...อิอิ พูด ตรงไปไหม เนี่ยแน่ สถานที่แบบนี้หนุ่มๆชอบเดินไปเดินมาทักทายสาวๆ ซึ่งเป็นคนแปลกหน้าดี นักแหละ

8. งานมอเตอร์โชว์

ผู้ชายคนไหนๆ ก็ชอบรถด้วยกันทั้งนั้นแหละ ตั้งแต่สามล้อถีบ, มอเตอร์ไซค์, รถยนต์ ไปจนถึงรถโฟร์วีลไดร์ แล้วผู้คนที่แห่แหนไปเที่ยวงานมอเตอร์โชว์น่ะเป็นผู้ชายมากกว่าผู้หญิง เพราะหนุ่มๆรู้สึกจะคลั่งไคล้เครื่องยนต์กลไกเป็นพิเศษ บางคนถนอมรถมากกว่าถนอมคนรักซะด้วยซ้ำ แต่ ทางที่ดีควรหาใครที่ให้ความสำคัญของรถสุดที่รัก ของเขาให้เท่ากับแฟนก็แล้วกัน เอา (เรือน) ร่างไป เบียดในมอเตอร์โชว์ โอ๊ยคุ้มจะตาย

9. ทางอินเตอร์เน็ต

การหาคู่ทางอินเตอร์เน็ตน่ะ ถ้าเคยเข้าไปดอท คอม จะเห็นเว็บไซต์ประเภทนี้แน่นอน หากวันๆ เอาแต่อยู่หน้าคอมพิวเตอร์ทั้งวันทั้งคืนจนไม่มีเวลา สวิงริงโก้ไปแสวงหาแฟนจากที่ไหนล่ะก็จะพึ่งพาอินเตอร์เน็ตเป็นรถด่วนขบวนสุดท้ายยังได้นะ

ว่าแต่การหา "ดาร์ลิ่ง" ทางอินเตอร์เน็ตน่ะ ก็ควรระมัดระวังนะจ๊ะ เพราะแหม ต่อให้เราเป็นคน รอบคอบและมีความระมัดระวังแค่ไหน ก็ไม่มีทางรู้กำพืดทั้งหมดของคนที่เราติดอกติดใจเค้าทางอินเตอร์เน็ตหรอก แถมบางคนอาจเป็นอาชญากร ที่ใช้อินเตอร์เน็ตเป็นแหล่งหาเหยื่อก็เยอะ ระวังไว้ดีก่าเสียใจทีหลัง


10. ที่บ้านตัวเองนั่นแหละ

ก็หาแฟนด้วยการจัดงานปาร์ตี้ที่บ้านขึ้นมาเด้ จะไปยากอะไร แต่ในเมื่อจะจัดงานที่บ้านทั้งที ควรประเมินด้วยว่า บ้านของคุณสวยพอที่จะสามารถอ้าปากชวนใครไปบ้านแล้วไม่อายเค้า เพราะไม่งั้นก็ย้ายไปจัดที่ร้านหรือบ้านญาติแทนก็ได้ หวังว่าพอจะมีไอเดียหาแฟนกันแล้วนะยะ.
READ MORE - 10 สถานที่ดักหาแฟน