เทคนิคการเสียบยอดมะม่วงในหน้าฝน นำยอดมะม่วงน้ำดอกไม้ไปเสียบบนต้นตอมะม่วงแก้ว 29 วันแทงยอด..

29.12.63

         สวัสดีครับ วันนี้วันที่ 30 ธันวาคม 2563 อีกสองวันก็จะเข้าปีใหม่แล้ว ในสถานการณ์โควิด-19 แบบนี้ ปีใหม่นี้ก็คงจะเงียบเหงา แต่พวกเราต้องช่วยกันป้องกัน ใช้ชีวิตแบบนิวนอมอล พยายามอย่าอยู่ในจุดที่เสี่ยงนะครับ เพื่อที่โรคร้ายจะได้ไม่แพร่กระจาย....
         หลังจากที่ไม่ได้อัพเดทบล็อกมาเป็นเวลานาน เนื่องจากติดงานและมีปัญหาหลายอย่าง วันนี้เป็นโอกาสอันดีที่  Blogger ลูกลำปาวจะนำสาระที่ดีเกี่ยวกับการเกษตรมาฝากท่านผู้อ่านเช่นเคย...โดยวันนี้เราจะนำประสบการณ์การทดลองขยายพันธุ์มะม่วงในช่วงหน้าฝนที่ผ่านมามาเล่าสู่กันฟังครับ.....

เทคนิคการเสียบยอดมะม่วงในหน้าฝน นำยอดมะม่วงน้ำดอกไม้ไปเสียบบนต้นตอมะม่วงแก้ว 29 วันแทงยอด..

               การเสียบยอดมะม่วงที่เราได้ทดลองทำนั้นเราใช้ยอดมะม่วงน้ำดอกไม้ไปเสียบบนต้นตอมะม่วงแก้วครับ สาเหตุที่ใช้ต้นตอมะม่วงแก้วเพราะมะม่วงแก้วมีเมล็ดที่ใหญ่ทำให้ต้นตอที่ได้มีความแข็งแรงหากินเก่ง แต่บางคนก้ใช้มะม่วงตลับนาค มะม่วงกะล่อนแทนก็ดีเหมือนกัน แล้วแต่ว่าใครจะสะดวกแบบไหนหาง่ายก็ใช้ต้นตอนั้น.....
เสียบยอดมะม่วงหน้าฝน

             ขั้นตอนแรกในการเสียบยอดเราจะเลือกต้นตอที่แข็งแรง ไม่แก่ไม่อ่อนเกินไป มีขนาดประมาณดินสอ แล้วทำการเฉือนต้นตอโดยปาดเฉียง มีดที่ใช้ต้องมีความคมและสะอาด...
เสียบยอดให้ติดง่าย
เทคนิคการเฉือนต้องเฉือนให้ขาดทีเดียวหรือน้อยครั้งที่สุด ให้ผิวเรียบที่สุด เพื่อที่เวลานำยอดพันธุ์ดีมาเสียบแผลจะได้แนบสนิทดี ทำให้มีโอกาสติดสูง....


เมื่อเฉือนต้นตอเสร็จแล้ว ก็จะทำการเฉือนยอดพันธุ์ดี โดยยอดที่นำมาเสียบนั้นจะต้องเป็นยอดที่มีตุ่มตาพร้อมจะแตกยอด และมีขนาดใกล้เคียงกับต้นตอ โดยการเฉือนเราจะปาดเฉียงเหมือนต้นตอให้มีความยาวแผลเท่ากันและผิวของแผลต้องเรียบเหมือนกัน....
เปลี่ยนยอดมะม่วง

เฉือนเสร็จแล้วนำมาเทียบกันดูว่าแผลพอดีกันหรือป่าว ถ้าไม่พอดีก็เฉือนใหม่ ถ้าพอดีแล้วเราจะทำการประกบและใช้เทปพันกิ่งพันให้แน่น..

พันกิ่งมะม่วง

เทคนิคการพันคือเราจะพันให้แผลยอดพันธุ์ดีกับต้นตอประกบกันให้แน่น โดยยอดที่มาเสียบถ้ามีขนาดเท่ากันก็พันได้เลยแต่ถ้าไม่เท่ากันเราต้องจัดให้ยอดชิดขอบด้านใดด้านหนึ่งเพื่อให้บริเวณเปลือกมันประกบกัน จากนั้นพันเทปให้แน่น ไม่ให้มีอากาศเข้า


เมื่อพันกิ่งเสร็จเราจะนำถุงพลาสติกมาครอบเพื่อทำการอบยอดรักาาความชื้นทำให้ยอดไม่เหี่ยวก่อนที่จะติด ในการอบยอดนี้ ในหน้าฝนเราไม่จำเป็นต้องรัดให้แน่นเพราะความชื้นในอากาศเยอะอยู่แล้ว เราเลยทำการตัดก้นถุงนิดนึง เพราะถ้าเราปิดมิด ความชื้นเยอะเกินยอดพันธุืดีก็จะเน่าเสียก่อน แต่ถ้าเป็นหน้าแล้งแนะนำให้รัดถุงให้แน่นอย่าให้มีอากาศเข้า จากนั้นเราก็จะนำไปตั้งไว้ในที่ร่ม....


มะม่วงน้ำดอกไม้บนต้นตอมะม่วงแก้ว



จากนั้น 29 วันผ่านไปยอดมะม่วงที่เราเสียบไว้ก็ได้ทำการแทงยอดออกมาแล้ว เราก็จะทำการแกะถุงพลาสติกที่ครอบไว้ออกมาแล้วนำต้นพันธุ์ไปอนุบาลต่อไป

การอนุบาลต้นมะม่วง

ต้นมะม่วงที่อนุบาลได้ 1 สัปดาห์ยอดก็เริ่มแข็งแรง เราจะทำการอนุบาลต่อไปจนแผลสมานกันดีและต้นโตประมาณหนึ่งค่อยจะทำการนำไปปลูกต่อไป...


วิดีโอคลิปแสดงวิธีการเสียบยอดมะม่วง






READ MORE - เทคนิคการเสียบยอดมะม่วงในหน้าฝน นำยอดมะม่วงน้ำดอกไม้ไปเสียบบนต้นตอมะม่วงแก้ว 29 วันแทงยอด..

การตอนกิ่งด้วยน้ำเปล่า/ทดลองตอนกิ่งกาแฟด้วยน้ำ หลังจากประสบผลสำเร็จตอนกิ่งมะเขือพวงด้วยน้ำ...

29.10.63



     สวัสดีครับ..ช่วงนี้ก็เริ่มเข้าสู่ปลายฝนต้นหนาวกันแล้ว..อากาศก็เริ่มเย็น ข้าวก็เริ่มออกรวง ช่วงวันหยุดที่ผ่านมา ผู้เขียนได้มีโอกาสเดินทางกลับภูมิลำเนา และได้ไปดูต้นไม้ใบหญ้าในสวน และมีโอกาสได้ไปดูกิ่งมะเขือพวงที่ลองตอนโดยใช้น้ำเปล่าทิ้งไว้ ผ่านไป 1 เดือน ปรากฏว่ามีรากงอกออกมาจริงๆครับ วันนี้ก็เลยจะมาเสนอวิธีการตอนกิ่งโดยใช้แค่น้ำเปล่ากับถุงพลาสติกและเชือกฟางครับ วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ที่หาขุยมะพร้าวไม่ได้ และอนาคตผมคิดว่าจะลองทำเป็นวิธีการให้น้ำต้นไม้ในฤดูแล้งลองดู ว่าจะสามารถให้ผ่านทางถุงที่เราตอนได้หรือไม่ สำหรับวิธีการตอนกิ่งด้วยน้ำเปล่าเป็นยังไงนั้น ไปดูกันเลยครับ.....


อันดับแรกเราก็จะเลือกกิ่งตอนเหมือนการตอนกิ่งทั่วๆไปนั้นก็คือ ไม่แก่ไม่อ่อนจนเกินไปครับ...


จากนั้นเราก็จะใช้มีดเฉือนเป็นลิ่มเข้าไปอย่าให้ขาด โดยเราจะเลือกตำแหน่งที่อยู่ใต้ข้อตานะครับ..


เมื่อเฉือนกิ่งเรียบร้อยแล้วเราก็จะนำถุงพลาสติกไปครอบตรงลิ่มที่เราเฉือน ให้ลิ่มเข้ามาอยู่ในถุง และกิ่งพันธุ์อยู่นอกถุง พูดง่ายๆคือ ลิ่มที่เราเฉือนจะหนีบถุงไว้นะครับ...


จากนั้นเราจะใช้เชือกมันขอบถุงด้านบนไว้ ดังในภาพครับ....ขั้นตอนนี้มัดให้แน่นนิดนึงครับ เพราะถุงจะรับน้ำหนักน้ำที่เราใส่ลงไป ต้องดูลักษณะกิ่งพันธุ์ด้วยนะครับว่าจะรับน้ำหนักได้ไหม ถ้าไม่น่าจะไหวก็อาจหาไม้ค้ำช่วยครับ อย่างการตอนกิ่งมะเขือพวงผมก็ใช้กิ่งไม้มัดกับกิ่งช่วยพยุงไว้ครับ...


เมื่อเรามัดขอบถุงแล้วก็จะทำการเทน้ำลงไปครับ ประมาณครึ่งถุงพอครับ เพราะถ้ามากกว่านี้ก็จะหนักเกินไป..


เมื่อเติมน้ำลงไปแล้ว เราก็จะทำการมัดปากถุงทั้งหมดติดกับกิ่งพันธุ์ โดยให้ลิ่มที่เราเฉือนจุ่มอยู่ในน้ำ และจับถุงให้ไปค้างอยู่บนกิ่งเพื่อไม่ให้มันห้อยลงมา ขั้นตอนนี้เน้นนะครับว่า ลิ่มที่เราเฉือนต้องจุ่มในน้ำ...


จากนั้นทำการมัดให้แน่น และใช้เชือกมัดพยุงก้นถุงช่วยอีกทีครับ....


จากนั้นเราก็จะรอไปอีกประมาณ 30 วัน รากก็จะงอกออกมาครับ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ขึ้นอยู่กับชนิดของพืชที่เราตอนด้วยนะครับว่าจะออกรากง่ายหรือยากแค่ไหนครับ...



ตัวอย่างการตอนกิ่งด้วยน้ำที่เราทำสำเร็จแล้วครับ โดยในภาพจะเป็นกิ่งมะเขือพวงครับ ลองทำสองกิ่ง งอกทั้งสองกิ่งครับ..

วิดีโอคลิปแสดงวิธีการตอนกิ่งด้วยน้ำ

READ MORE - การตอนกิ่งด้วยน้ำเปล่า/ทดลองตอนกิ่งกาแฟด้วยน้ำ หลังจากประสบผลสำเร็จตอนกิ่งมะเขือพวงด้วยน้ำ...

การเพาะต้นมันหวานญี่ปุ่นจากหัวมันที่ซื้อมาจากตลาด..และนำไปเพาะปลูกในกระสอบ...

2.10.63



   สวัสดีครับ ช่วงนี้เป็นหน้าฝน ฝนตกชุ่มฉ่ำทั่วประเทศ อีกไม่นานก็จะเริ่มเข้าสู่หน้าหนาวแล้ว วันนี้ blogger ลูกลำปาวจะพามาดูวิธีเพาะมันหวานไว้เผาในฤดูหนาวกันครับ...
ปกติมันหวานนั้นเราจะใช้วิธีการขยายพันธุ์โดยนำยอดมันไปปลูก ถ้าหากใครหายอดพันธุ์ไม่ได้ เราก็สามารถใช้หัวมันที่ซื้อมาจากตลาด เพาะให้เกิดยอดได้ ส่วนวิธีการเป็นนังไงนั้น ไปดูกันครับ....

  อันดับแรกนั้นเราต้องเลือกซื้อหัวมันหวานสายพันธ์ที่เราต้องการโดยเลือกหัวที่สด จะทำให้เพาะแล้วยอดมันงอกได้ง่าย...

เมื่อได้หัวมันหวานมาแล้วเราก็จะทำการหั่นเอาเฉพาะส่วนที่เป็นโคนของหัว คือส่วนที่ติดอยู่กับขั้วของต้นมันหวานนั้นเอง......
                           

เมื่อหั่นเสร็จแล้วจากนั้นเราจะทำการนำหัวมันที่เราหั่นไปเพาะในภาชนะใส่น้ำสะอาดเพื่อให้มันหวานแทงยอดกันครับ ระหว่างนี้ต้องคอยเปลี่ยนน้ำเมื่อรู้สึกว่าน้ำเน่าเสีย และคัดหัวมันหวานที่เน่าออกเพราะมันจะลุกลามทำให้หัวอื่นๆเน่าไปด้วย โดยภาชนะที่เราเพาะจะวางไว้ในที่ร่มรำไรครับ



เมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 10 กว่าวัน ยอดมันหวานก็แทงยอดมียาวบ้างสั้นบ้าง เราจะเลือกตัดเอาเฉพาะยอดที่ยาวและเริ่มแก่ มีใบ 3-4 ใบขึ้นไป


เราจะนำยอดที่ตัดใส่ในภาชนะ เติมน้ำเพาะให้รากที่ยอดโผล่ขึ้นมาก่อนที่จะนำไปปลูก

รากของยอดมันหวานโผล่ขึ้นมาพร้อมสำหรับการนำไปปลูกแล้ว.....

    
สำหรับใครที่ไม่มีพื้นที่เพาะปลูก ก็สามารถปลูกในกระสอบได้แบบง่ายๆ โดยในที่นี้เราจะผสมดิน 1 ส่วน ปุ๋ยคอก 1 ส่วน และเศษใบไม้ 1 ส่วน ผสมให้เข้ากันนำไปใส่ในกระสอบ แล้วนำยอดมันหวานที่เราเตรียมไว้ไปปักได้เลย โดยใช้นิ้วจิ้มดินเป็นรูแล้วเสียบยอดมันหวานลงไปแล้วกลบดินให้แน่นอีกที....


เมื่อปลูกเสร็จแล้วเราจะรดน้ำให้ชุ่ม ตั้งไว้ในที่โล่ง ถ้าเป็นฤดูฝนแบบนี้ก้ไม่จำเป็นต้องรดน้ำ นับไปอีก 90 วันก็สามารถเก็บเกี่ยวหัวมันหวานมาเผาหรือนึ่งกันได้เลย...

           สุดท้ายนี้ลากันไปด้วยภาพมันหวานสีม่วงและสีส้มที่นำมานึ่งน่ากินเลยทีเดียวเชียว...


วิดีโอคลิปแสดงวิธีการเพาะมันหวานจากหัวและการปลูกมันหวานในกระสอบ



READ MORE - การเพาะต้นมันหวานญี่ปุ่นจากหัวมันที่ซื้อมาจากตลาด..และนำไปเพาะปลูกในกระสอบ...

วิธีการปลูกเห็ดระโงก ปลูกป่าไว้หาเห็ด ได้ทั้งไม้ใช้สอย ได้ทั้งเห็ดไว้ขาย ผลประโยชน์หลายต่อ....

4.6.63

ช่วงนี้เริ่มเข้าหน้าฝน ฝนฟ้าตกหนักแทบทุกวัน วันนี้ Blogger ลูกลำปาว จะมานำเสนอเรื่องราวของอาหารที่มาพร้อมกับหน้าฝน นั้นก็คือเห็ดป่านั้นเอง และที่จะไม่กล่าวถึงเลยไม่ได้ นั้นก็คือ ราชาแห่งเห็ดป่า ที่ใครๆได้ลองกินแล้วจะต้องติดใจ นั้นก็คือ เห็ดระโงก หรือ เห็ดไข่ห่าน ที่นับวันยิ่งราคาแพงสูงลิบ เพราะหากินได้เฉพาะหน้าฝนเท่านั้นครับ....และตอนนี้เห็ดป่าหายากราคาแพงชนิดนี้สามารถเพาะปลูกได้เป็นที่สำเร็จแล้ว...


        เห็ดระโงก เรียกอีกชื่อว่า เห็ดไข่ห่าน มีชื่อวิทยาศาสตร์ Amanita vaginata มีถิ่นกำเนิดในประเทศไทย ออกในฤดูฝน เห็ดระโงกมีทั้งสีขาว สีแดงและสีเหลือง ดอกตูมกลีบรี คล้ายไข่ห่าน เมื่อโตขึ้นหมวกและก้านดอกจะดันปลอกหุ้มแตกออกมา สปอร์และครีบสีขาว แล้วแต่สายพันธุ์ ดอกเห็ดมีลักษณะเป็นเมือก ขอบหมวกมีร่องเล็กๆตรงกันกับครีบ เมื่อดอกบานขอบหมวกจะขาดตามรอยนี้ ด้านล่างหมวกมีครีบสีขาว ก้านดอกยาวเป็นทรงกระบอก ผิวเรียบสีขาวหรือเหลืองนวล เนื้อเยื่อภายในก้านดอกสีขาว และสานต่อกันอย่างหลวมๆ ตรงกลางก้านดอกมีรูกลวงเล็กน้อย เกิดเองตามธรรมชาติมักขึ้นเป็นกลุ่มเล็กๆ พบได้ ตามป่าโปร่งหรือป่าละเมาะทั่วไป ของภาคอีสานและภาคเหนือ เห็ดระโงกสามารถประกอบอาหารได้หลายชนิด เช่น แกงเห็ดระโงกใส่ใบมะขามอ่อน เห็ดระโงกนึ่งจิ้มแจ่ว เห็ดระโงกเผาไฟตำน้ำพริก หรือจะนำไปผัดน้ำมันหอยก็ได้เช่นกัน ปัจจุบันมีเกษตรกรสามารถเพาะเห็ดชนิดนี้ได้เป็นผลสำเร็จแล้ว..........
นำสปอร์ดอกเห็ดที่แก่ไปผสมน้ำรดต้นกล้าเพาะเห็ดระโงก

วิธีการเพาะเห็ดระโงก หรือ เห็ดไข่ห่าน
         สำหรับวิธีการเพาะเห็ดระโงกหรือเห็ดไข่ห่านทำได้ง่ายๆ แต่ต้องใช้เวลานิดนึงครับ โดยให้นำดอกเห็ดระโงกที่แก่จัดแล้วมาขยี้ผสมน้ำ นำไปรดกับต้นกล้าตั้นพืชในวงศ์ยางนา ได้แก่ ยางนา ตะเคียนทอง เต็ง รัง พลวง เหียง พะยอม กระบาก เป็นต้น" หลังจากที่เรานำต้นพืชไปปลูกจนเจริญเติบโต ประมาณปีที่ 5 ขึ้นไป เห็ดก็จะเริ่มออก เห็ดจะออกประมาณ 4-5 ครั้ง โดยจะมีเยอะที่สุดในช่วงเดือนกรกฎาและสิงหาคม จริงๆแล้วเห็ดเป็นเชื้อราชนิดหนึ่ง จัดอยู่ในราที่มีชื่อว่า ไมคอร์ไรซ่า (Mycorrhiza) ซึ่งเห็ดป่าที่เราเห็นขายตามข้างทางเวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดเกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น เห็ดเผาะ เห็ดระโงกเหลือง เห็ดตะไค เห็ดน้ำหมากและอื่นๆ ก็จัดเป็น ไมคอร์ไรซา ที่อาศัยอยู่ที่ส่วนปลายของรากฝอย ของพืชในวงศ์ยางนา


ไมคอร์ไรซ่า ของเห็ดจะอาศัยกับต้นไม้ตามที่กล่าวมา แบบภาวะพึ่งพา (Mulualism) โดยจะเกาะอยู่ที่ปลายรากฝอย คอยดูดน้ำ ธาตุอาหาร และป้องกันเชื้อโรคให้กับต้นไม้ ที่มันอาศัยอยู่ ส่วนและตัวไมคอร์ไรซ่า ก็จะดูดอาหาร จากรากพืชอีกที และเมื่อ อุณหภูมิ ความชื้น ธาตุอาหารเหมาะสม ก็จะโผล่พ้นจากดิน กลายเป็นดอกเห็ด ตามที่เราเห็นนั้นเอง แต่เห็ดจะเปลี่ยนไปตามสภาพความสมบูรณ์ของป่า ยิ่งป่าสมบูรณ์ชนิดและจำนวนของเห็ดก็จะมากขึ้น


       สำหรับการทำให้เกิดเห็ดระโงกนั้น สวนป่าควรมีเรือนยอดปกคลุม 70-50 % หรืออีกในหนึ่ง คือมีแสงส่องถึงพื้นดิน ประมาณ 30-50 % และมีเศษใบไม้ที่ย่อยสลายไม่หมดหนาไม่เกิน 2 เซนติเมตร พื้นสวนไม่มีวัชพืชหนาแน่น และที่สำคัญต้องไม่มีสารเคมีใดๆ รวมถึงการรบกวนพื้นสวน หลังจากฝนตกหนักๆ 2-3 วันและมีแดดส่องถึงพื้น อากาศอบอ้าว เห็ดก็จะเริ่มทยอยงอกจากดิน เป็นแถว ตามแนวรากของต้นไม้

นอกจากนี้ยังมีอีกวิธีหนึ่งที่สามารถเพาะเห็ดระโงกและเห็ดป่าได้เช่นกัน คือนำดอกแก่ๆมาขยี้ แล้วนำไปฝังตามบริเวณรากของต้นไม้ตระกูลยางนาที่โตแล้ว เมื่อเวลาผ่านไป อุณหภูมิ ความชื้น ธาตุอาหารเหมาะสม ก็จะโผล่พ้นจากดิน กลายเป็นดอกเห็ดให้เราได้เก็บไปประกอบอาหารและจำหน่ายได้เหมือนกัน

จะเห็นได้ว่าการเพาะเห็ดระโงกไม่ได้ยากเย็นเลยครับ และยังเราได้ประโยชน์อีกอย่างหนึ่งคือเมื่อต้นไม้ที่โตแล้วสามารถนำมาใช้สอยหรือนำไปแปรรูปได้ครับ โดยปัจจุบันเราสามารถปลูกป่าแล้วไปขึ้นทะเบียนกับกรมป่าไม้เป็นสวนป่า ทีนี้ป่าไม้ที่เราปลูกเราก็สามารถตัดและนำไปแปรรูป หรือขายได้ราคาดีไม่น้อยเหมือนกัน เพราะต้นยางนาต้นที่โตๆ ราคาหลักหมื่นบาทต่อต้นเลยทีเดียว เป็นการปลูกป่าไว้หาเห็ด และเก็บออมเนื้อไม้ไว้ขายในอนาคต เป็นการวางแผนเพื่ออนาคตที่เข้าท่าไม่น้อยเลยทีเดียว..........

สภาพป่าที่เหมาะสมสำหรับเพาะเห็ดระโงก

แกงเห็ดระโงก อาหารเลิศรสจากผืนป่า


วิดีโอคลิป ปลูกยางนาได้กินเห็ดระโงก



READ MORE - วิธีการปลูกเห็ดระโงก ปลูกป่าไว้หาเห็ด ได้ทั้งไม้ใช้สอย ได้ทั้งเห็ดไว้ขาย ผลประโยชน์หลายต่อ....

วิธีการปลูกมะพ้ราวน้ำหอมให้ลูกดกและได้ผลผิตเร็ว พืชเศรษฐกิจสารพัดประโยชน์ ปลูกง่าย โตเร็ว ดูแลง่าย เก็บเกี่ยวได้ยาวนาน.....

3.6.63

ภาพโดย Cheapsalemarket

วันนี้ Blogger ลูกลำปาว จะขอนำเสนอวิธีการปลูกมะพร้าวน้ำหอมพืชสารพัดประโยชน์อีกชนิดหนึ่ง ให้ลูกดกและได้ผลผลิตเร็ว เก็บเกี่ยวได้ยาวนาน มะพร้าวน้ำหอมสามารถนำไปทำประโยชน์ได้หลายอย่าง เช่นทำมะพร้าวปั่น ทำน้ำมะพร้าว ทำวุ้นมะพร้าว ลูกแก่นำไปเป็นส่วนประกอบของขนม จั่นมะพร้าวสามารถเก็บน้ำตาลมะพร้าวได้ น้ำมันมะพร้าวนำไปทำเครื่องสำอางเป็นต้น ส่วนวิธีการปลูกนั้นเป็นอย่างไร ไปดูกันครับ......

ภาพโดย nanagarden

ขั้นแรกอยู่ที่การเลือกต้นพันธุ์ครับ ลักษณะของต้นพันธุ์มะพร้าวน้ำหอมที่ดีข้อแรกคือ มันต้องหอมครับ....ใช่แล้วมันต้องหอม ถึงจะเรียกมะพร้าวน้ำหอม โดยมีวิธีการเทสโดย ลองตัดที่ปลายรากที่โผล่พ้นมา จะมีกลิ่นหอมเหมือนใบเตย และสังเกตปลายรากจะมีสีชมพู 


    ส่วนมะพร้าวน้ำหอมที่จะให้ลูกดกและเจริญเติบโตดีลักษณะลูกจะตูดแหลม ลูกเล็ก หัวหนีบ ถ้าพวกลูกสวยๆ เมื่อนำไปปลูกจะลูกไม่ดก...
      เมื่อเราเลือกต้นพันธุ์ได้แล้วเราต้องมีการเตรียมต้นพันธุ์ก่อนปลูกเพื่อจะให้ต้นพันธุ์ที่นำไปปลูกฟื้นตัวเร็วและเจริญเติบโตดี..... โดยการชำในถุงดำก่อน เลี้ยงให้มีใบประมาณ 3-4 ใบก่อน ต้นจะยาวประมาณ 1 ฟุตเป็นอันใช้ได้....


ภาพโดย nanagarden

เมื่อเตรียมต้นพันธุ์เสร็จต่อไปเป็นการเตรียมหลุมปลูก ให้ขุดหลุม กว้างxยาวxลึก ประมาณ 50x50x50 โดยให้มีระยะห่างประมาณ 6x6 เมตร ปลูกสลับฟันปลาเพื่อให้ต้นมะพร้าวไม่แออัดและทำให้เรือนใบไม่ชนกัน ทำให้อากาศถ่ายเทได้ดี รองก้นหลุมด้วยยากันปลวกและปุ๋ยคอกคลุกเคล้าให้เข้ากันกับดิน โดยนำดินลงไปในหลุมประมาณ 3/4 ของหลุม จากนั้นนำมะพร้าวลงไปนอนเอียงไปทางทิศตะวันออก ทำแบบนี้ต้นมะพร้าวจะโตเร็ว โคนต้นสวย และต้นเตี้ย จากนั้นนำดินกลบ พยายามอย่ากลบโคนต้นให้มิด ควรกลบดินประมาณ 2/3 ของผล ให้แสงแดดส่องถึงลูกด้านบน จากนั้นนำฟางมาคลุมรอบๆเพื่อรักษาความชื้น ช่วงแรกๆรดน้ำทุก 1-2 วันจนกว่าต้นจะแข็งแรง เทคนิคที่จะทำให้โตไวคือต้องไม่กลบลูกให้มิด ไม่ตัดใบหรือกาบใดๆทั้งสิ้นเพื่อให้ต้นมะพร้าวสามารถปรุงอาหารได้เต็มที่ ถ้าก้านไหนขวางทางใช้วิธีเอาเชือกมาผูกไว้แทน และใส่ปุ๋ยคอกบ่อยๆรอบทรงพุ่มทุก 2-3 เดือนต่อครั้ง ควรใส่รอบห่างๆต้นเพื่อล่อให้รากขยายไปเรื่อยๆ แต่อยู่ในทรงพุ่ม เพราะต้นไม้ ลักษณะการออกรากจะยาวไปหากินสุดตรงทรงพุ่มสุด

ภาพโดย Kasetporpeang

สำหรับเคล็ดลับที่จะทำให้มะพร้าวลูกดกนั้น ควรโรยเกลือแกงรอบทรงพุ่ม 1กก./ต้น/ปี อาจจะแบ่งใส่ 3ครั้งก็ได้ ใส่มูลไก่รอบทรงพุ่ม ใส่ได้บ่อยๆ ปีละ 3-4ครั้ง ใช้ได้ทั้งมูลไก่แกลบและมูลไก่ล้วน ใส่ครั้งละ1ถุง ตามความเหมาะสม สามารถปรับเปลี่ยนได้ เสริมด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 25-7-7 สำหรับต้นที่ยังไม่ให้ผล และ เสริมด้วยปุ๋ยสูตรเน้นตัวท้าย 8-24-24 สำหรับต้นที่ให้ผลแล้ว และใส่สูตรปุ๋ยเพิ่มความหวาน สำหรับมะพร้าวน้ำหอม 13-13-21 ใส่ปริมาณ 1-2กิโลกรัม/ต้น/ปี

ด้วงงวงมะพร้าว

ภาพโดย wikipedia

แน่นอน การปลูกมะพร้าวนั้นมีศัตรูตัวฉกาจที่จะคอยกัดกินยอด ทำให้มะพร้าวเราตายได้ ที่ควรระวังคือด้วงงวงมะพรา้ว ,ด้วงแรดมะพร้าว ,แมลงดำหนามมะพร้าว และหนอนหัวดำมะพร้าว...ศัตรูพืชพวกนี้ต้องคอยระวังให้ดี 

ด้วงงวงมะพร้าวจะวางไข่ในยอดและรูที่ด้วงแรดเจาะ และจะเกิดเป็นตัวหนอนกัดกินในต้นมะพร้าวจะทำให้ยอดเน่าและต้นมะพร้าวตาย

ภาพโดย Kasetporpeang

ด้วงแรดมะพร้าว


ภาพโดย กรมวิชาการเกษตร

ด้วงแรดมะพร้าว
มันจะออกหากินกลางคืน มีพื้นที่การวางไข่คือ กองปุ๋ยหมัก,มูลสัตว์ และกองเศษซากพืช มันจะกัดเจาะกินโคนทางใบมะพร้าวและกัดกินยอดอ่อนมะพร้าว 

วิธีลดจำนวนด้วงมะพร้าว
รักษาสวนให้สะอาด ไม่สะสมเศษซากพืชหรือกองปุ๋ยหมักไว้ในสวนมะพร้าว ใช้เชื้อราเขียวกำจัดหนอนด้วง ใช้ถังกับดักฟีโรโมน ล่อตัวเต็มวัยให้มาติดในถัง หรือใช้ตาข่ายดักปลาตาถี่พันบริเวณคอมะพร้าวเป็นต้น

วิธีป้องกันกำจัดด้วงมะพร้าว
ใช้น้ำมันเครื่องผสมน้ำมันยาง ทาบริเวณรอยกัดเจาะของด้วงแรด เพื่อป้องกันไม่ให้ด้วงงวงมาวางไข่
ใช้ทรายหยาบหรือทรายก่อสร้าง ใส่ในกาบใบมะพร้าวเมื่อด้วงแรดเจาะเข้ามาจะทำให้ทรายเข้าในคอด้วง ขยับตัวได้ลำบากและตายในที่สุด ใส่ลูกเหม็นที่กาบใบมะพร้าวรอบๆยอด ประมาณ 6-8 ลูก/ต้น เป็นการใช้กลิ่นไล่ เพื่อไม่ให้ด้วงหรือแมลงอื่นๆเข้ามา (ลูกเหม็นอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย จึงไม่แนะนำให้ใช้ในบริเวณที่อยู่อาศัย )


แมลงดำหนามมะพร้าว
ภาพโดย กรมวิชาการเกษตร

แมลงดำหนามมะพร้าว
ตัวหนอนและตัวเต็มวัยจะกัดกินยอดอ่อนที่สุดของมะพร้าวที่ยังไม่คลี่ โดยซ่อนตัวในใบอ่อนที่พับอยู่ และจะย้ายไปกินอีกใบอ่อนอีกใบหลังจากที่ใบเดิมคลี่ออก ทำให้ยอดอ่อนของมะพร้าวชะงักการเจริญเติบโต เมื่อมีการทำลายรุนแรงหลายๆ ใบในแต่ละต้นจะมองเห็นเป็นสีขาวโพลนชัดเจน ซึ่งชาวสวนมะพร้าว เรียกว่า “โรคหัวหงอก” ระยะตัวหนอนสำคัญที่สุด เพราะทำลายได้รุนแรงกว่าตัวเต็มวัย โดยเฉพาะในพื้นที่มีมีอากาศแห้งแล้งและขาดน้ำ





แนวทางการควบคุมแมลงดำหนามมะพร้าว

1.ใช้วิธีกล ในมะพร้าวต้นเตี้ย ตัดยอดที่ถูกแมลงกัดกินมาเก็บไข่ หนอนและตัวเต็มวัยไปทำลาย
2.ใช้ชีววิธี โดยใช้ตัวห้ำ ตัวเบียนและเชื้อจุลินทรีย์ เช่น แมลงหางหนีบ แตนเบียนแมลงดำหนามมะพร้าว และเชื้อเมตตาไรเซียม
2.1 แมลงหางหนีบ กินไข่ หนอนและดักแด้
2.2 ใช้แตนเบียนทำลายแมลงดำหนามมะพร้าว Asecodes hipinarum
แตนเบียนจะช่วยทำลายหนอนแมลงดำหนามมะพร้าว พฤติกรรมการเข้า
ทำลายของแตนเบียน เกิดจากเพศเมียที่ผสมพันธุ์แล้วจะใช้อวัยวะ
วางไข่แทงเข้าไปในลำตัวของหนอนแมลงดำหนามมะพร้าว
หนอนแตนเบียนที่เกิดขึ้นภายในตัวแมลงดำหนามฟักออกเป็นไข่
ดูดกินของเหลว แล้วเข้าทำลายตัวแมลงในที่สุด ระยะการเจริญ
หนอนแมลงดำหนามถูกแตนเบียนทำลาย เติบโตตั้งแต่ไข่จนถึงตัวเต็มวัยประมาณ 17-20 วัน
2.3 เชื้อราเขียวเมตตาไรเซียม (Metarhizium anisopliae)
อัตราการใช้ 1 กิโลกรัม/น้ำ 20 ลิตร (นำเชื้อราที่เจริญบน
เมล็ดธัญพืชมาขย้ำเพื่อแยกกากออกและเอาเฉพาะสปอร์
ที่อยู่ในของเหลว) ผสมสารจับใบ ฉีดพ่นบนยอดมมะพร้าว
กำจัดหนอน ดักแด้และตัวเต็มวัยของแมลงดำหนามมะพร้าว
หนอนแมลงดำหนามถูกทำลายโดยเชื้อเมตตาไรเซี่ยม
3. ใช้สารเคมี ใช้สารเคมีมีที่มีอันตรายน้อยและสลายตัวเร็ว เช่น คาร์บาริล (เซฟวิน 85% wp) อัตรา 30 กรัม/น้ำ 20 ลิตร ฉีดพ่นในแปลงเพาะกล้าพืชตระกูลปาล์ม ก่อนการเคลื่อนย้ายจากแหล่งที่มีการระบาดทุกครั้ง
4. การกักกันการเคลื่อนย้ายต้นกล้าและพืชอาศัยตระกูลปาล์มจากพื้นที่ที่มีการระบาด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของแมลงดำหนามมะพร้าว

หนอนหัวดำมะพร้าว
ภาพโดย malaeng.com
หนอนหัวดำมะพร้าว
ตัวหนอนจะกัดแทะผิวใบแก่และสร้างใยถักพันโดยใช้มูลที่ถ่ายออกมาผสมกับเส้นใยที่สร้างขึ้นทำเป็นอุโมงค์ยาวตามแนวของใบมะพร้าว คล้ายอุโมงค์ทางเดินของปลวก ตัวหนอนจะอาศัยอยู่ในอุโมงค์ที่สร้างขึ้นและแทะกินผิวใบตามทางยาวของอุโมงค์ ตัวหนอนที่โตเต็มที่จะถักใยหุ้มลำตัวอีกครั้งและเข้าดักแด้อยู่ภายในอุโมงค์ ดักแด้มีสีน้ำตาลเข้ม
ตัวเต็มวัยเป็นผีเสื้อกลางคืน ขนาดลำตัวยาวประมาณ 1 เซนติเมตร เพศผู้มีขนาดเล็กกว่าเพศเมียเล็กน้อย การระบาดเข้าทำลายมะพร้าวที่เกิดอย่างรุนแรง จะทำให้ผลผลิตมะพร้าวลดลงมากกว่าร้อยละ 50 หากเกิดระบาดรุนแรงติดต่อกันนาน จะทำให้ต้นมะพร้าวตายได้

การควบคุมหนอนหัวดำมะพร้าว
1. ตัดทางใบที่ถูกหนอนหัวดำทำลายมาเผา เพื่อทำลายหนอนหัวดำในระยะไข่ ระยะตัวหนอนและระยะดักแด้ โดยเกษตรกรต้องหมั่นเข้าไปสำรวจทางใบมะพร้าวถ้าพบมีการทำลายของหนอนหัวดำให้ตัดทางใบนั้นมาเผาทำลายทันที ส่วนในกรณีที่มีการระบาดรุนแรง ในต้นมะพร้าวต้นเดียวกันจะมีทางใบที่ถูกทำลายจนเป็นสีน้ำตาลทั้งทางใบและทางใบที่ถูกทำลายเป็นบางส่วน ควรตัดทางใบที่ถูกทำลายทั้งหมดมาเผา เกษตรกรบางรายจะไม่ยอมตัดทางใบมะพร้าวมาเผาทำลายเนื่องจากกลัวว่าต้นมะพร้าวจะตาย ข้อมูลทางวิชาการพบว่าถ้าต้นมะพร้าวยังมีทางใบเขียวที่สมบูรณ์อยู่บนต้น ตั้งแต่ 13 ทางใบขึ้นไปจะไม่กระทบต่อผลผลิตของมะพร้าว แต่ถ้ามีทางใบเขียวที่สมบูรณ์เหลืออยู่บนต้น 3 ใบ อาจทำให้ต้นมะพร้าวตายได้

2. พ่นด้วยเชื้อ Bacillus thruringiensis (Bt) หลังจากตัดทางใบที่ถูกทำลายมาเผาแล้ว ตัวเต็มวัยของหนอนหัวดำซึ่งเป็นผีเสื้อจะมาวางไข่ใหม่บนทางใบสีเขียวที่เหลืออยู่ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้เชื้อ Bt ฉีดพ่นหนอนที่ฟักออกมาจากไข่ใหม่ จำนวน ๓ ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน ๗ – ๑๐ วัน โดยใช้เชื้อ Bt อัตรา 80-100 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร ผสมด้วย สารจับใบตามอัตราแนะนำในฉลาก ไม่ควรฉีดพ่นในขณะที่มีแสงแดดจัดเพราะจะทำให้เชื้อ Bt อ่อนแอ ควรฉีดพ่นก่อนเวลา 10.00 น. และหลัง 16.00 น. และต้องใช้เชื้อ Bt ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมวิชาการเกษตรแล้วเท่านั้น
3. ปล่อยแตนเบียนไข่ Trichogramma sp. เพื่อควบคุมระยะไข่ ของหนอนหัวดำ อัตราไร่ละ 10 แผ่นแผ่นละ ๒,๐๐๐ ตัว โดยปล่อย 12 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 2 สัปดาห์ โดยนำแผ่นแตนเบียนไข่ไปแขวนไว้กับต้นมะพร้าวหรือพืชอื่นๆ ภายในสวนมะพร้าวให้กระจายทั่วทั้งแปลง ควรใช้วัสดุหรือสารป้องกันมดไม่ให้มาทำลายแผ่นแตนเบียนและวัสดุกันแดด ฝน ก่อนที่แตนเบียนจะฟักเป็นตัวเต็มวัย
4. ปล่อยแตนเบียนหนอน Bracon hebetor เพื่อควบคุมระยะหนอน ของหนอนหัวดำ อัตราไร่ละ ๒๐๐ ตัว กระจายทั่วทั้งแปลง โดยปล่อย 12 ครั้ง แต่ละครั้งห่างกัน 2 สัปดาห์
ทั้งนี้ก่อนและหลังการปล่อยแตนเบียนควรมีการสุ่มตัดทางใบมะพร้าวมาตรวจนับจำนวนไข่ หนอน และดักแด้ รวมทั้งแตนเบียนที่พบหลังการปล่อยควบคุมเพื่อเป็นข้อมูลในการปล่อยแตนเบียนในครั้งต่อๆไป

5. ใช้สารเคมี emamectin benzoate 1.92 % EC ฉีดเข้าลำต้น อัตรา 30 มิลลิลิตร ต่อต้นซึ่งกรมวิชาการเกษตร ได้ทำการทดสอบโดยการเจาะลำต้นมะพร้าวสูงจากพื้นดินประมาณ 1 เมตร จำนวน 2 รู ให้รูอยู่ตรงกันข้ามกัน ขนาดกว้าง 4 หุน ลึก 10 เซ็นติเมตร ใส่สารรูละ 15 มิลลิลิตรแล้วใช้ดินน้ำมันอุดรูทันที จากการตรวจสอบพิษตกค้างไม่พบพิษตกค้างในเนื้อและน้ำมะพร้าวทั้งในผลอ่อนและผลแก่ โดยแนะนำให้ฉีดเข้าลำต้น เฉพาะมะพร้าวที่มีความสูงมากกว่า 12 เมตร ขึ้นไป ห้ามใช้กับมะพร้าวน้ำหอมและมะพร้าวกะทิเนื่องจากผลวิจัยนี้ยังไม่ครอบคลุมถึง



โรคที่สำคัญในการปลูกมะพร้าว

โรคยอดเน่า(Heart leaf rot) 
เกิดจากเชื้อรา pythium sp. และมักเกิดกับมะพร้าว พันธุ์ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศ เช่น พันธุ์มลายูสีเหลืองต้นเตี๊ย โรคนี้มักพบในระยะต้นกล้า ในสภาพที่มีฝนตกชุก และอากาศมีความชื้นสูง แก้ไขโดยในการย้ายต้นกล้าพยายยามอย่าให้หน่อช้ำ เพราะโรคอาจจะเข้าทำลายได้ง่าย หากพบอาการของโรคในระยะแรกให้ตัดส่วนที่เป็นโรคออก แล้วฉีดพ่นด้วยสารฆ่าเชื้อรา ที่มีสารประกอบทองแดง ซึ่งส่วนต้นกล้าหรือส่วนที่โรคทำลายให้เผาทำลายให้หมด เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดต่อไป

โรคใบจุด (Helminthossporium leaf rot)
เกิดจากเชื้อราHeiminthosporium sp. ทำความเสียหายให้แก่มะพร้าวในระยะต้นกล้ามากและคุกคามอย่างรวดเร็ว การป้องกันกำจัด ให้ฉีดพ่นด้วยสารป้องกันกำจัดโรคพืช เช่น thirem อัตรา 50 กรัมต่อน้ำ 2 ลิตร ผมยาลงไป 15 ซีซี ฉีดพ่นทุก 10-14 วัน นอกจากนี้ยังมีโรคอื่นๆเช่นโรคตาเน่า ( Bud rot) โรคโคนผุ ( Stem bleeding) โรคใบจุดสีเทา (Frond break) โรครากเน่า (Root rot) โรคเรื้อนดิน เป็นต้น โรคดังกล่าวนี้แม้ว่าจะพบในแหล่งปลูกมะพร้าวแต่ไม่ทำความเสียหายให้กับมะพร้าวมากนัก

โรคผลร่วง(Immature nut full)
เกิดจากเชื้อรา Phytopthora palmivora และมะพร้าวจะล่วงก่อนกำหนด อายุของมะพร้าวที่ล่วงตั้งแต่ 3 ถึง 9 เดือน อายุของผลที่ล่วงมากคือ 8 เดือนผลมะพร้าวที่เก็บเกี่ยวได้อายุ 12 เดือนดังนั้นผลมะพร้าวที่ร่วง จึงอ่อนกว่าที่จะนำมาใช้ประโยชน์ เป็นมากกับมะพร้าวพันธุ์มลายูสีเหลืองต้นเตี๊ย สภาพที่จะเกิดโรคผลร่วงระบาด คือมะพร้าวมีผลดกมาก และฝนตกชุกติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ให้หมั่นตรวจเช็คผลมะพร้าว โดยวิธีการสุ่มขึ้นไปบนต้น ถ้าพบมะพร้าวที่เป็นโรคให้ตัดออก และนำผลไปเผาทิ้งนอกแปลงมะพร้าวทันที

โรคเอือนกิน
เป็นโรคที่เกิดกับผลมะพร้าว ซึ่งยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่นอน ลักษณะของผลภายนอกปกติ แต่เนื้อมะพร้าวจะมีลักษณะความหนาประมาณ 2 ซม.ยุบง่ายเนื้อมะพร้าวหนาไม่เท่ากัน บางแห่งไม่มีเนื้อมีแต่กะลา ผิวของเนื้อขรุขระ สันนิษฐานว่า อาจเกิดจากสภาพแวดล้อมไม่เหมาะสม ในขณะที่มะพร้าวเริ่มสร้างเนื้อ เช่น กระทบแล้ง เนื่องจากยังไม่ทราบสาเหตที่แน่นอน จึงไม่มีวิธีจะป้องกันกำจัดที่ได้ผล


วิดีโอคลิป เทคนิคการปลูกมะพร้าว โดยธงชนะ พรหมมิ

READ MORE - วิธีการปลูกมะพ้ราวน้ำหอมให้ลูกดกและได้ผลผิตเร็ว พืชเศรษฐกิจสารพัดประโยชน์ ปลูกง่าย โตเร็ว ดูแลง่าย เก็บเกี่ยวได้ยาวนาน.....

การเพาะเห็ดฟางในตะกร้า ใช้พื้นที่น้อย จัดการง่าย ต้นทุนต่ำ กำไรงาม...

29.5.63

สวัสดีครับ ช่วงนี้ก็เข้าสู่หน้าฝนแล้ว ตลอดช่วงหน้าแล้งที่ผ่านมา เห็ดป่าขาดตลาด ทำให้ราคาเห็ดฟางพุ่งสูงมาก ถึงตอนนี้ราคาก็ยังไม่ลด เพราะเห็ดป่ายังออกไม่เยอะ เช็คราคาตอนนี้ ณ วันที่ 30 พฤษภาคม 2560 ราคาที่ตลาดไท เห็ดฟางเบอร์เล็ก 80-90 บาท/กิโลกรัม เบอร์กลาง 100-110 บาท/กิโลกรัม และ เบอร์ใหญ่ 120-130 บาท/กิโลกรัม ส่วนที่ตลาดสี่มุมเมือง ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 100 บาท/กิโลกรัม...จะเห็นว่า ราคาสูงไม่ใช่น้อยเหมือนกัน.... อีกอย่างเห็ดฟางมีประโยชน์มากมาย ในเห็ดฟางมีวิตามินซี จำนวนมาก(ไม่ควรรับประทานสด) การทานเห็ดฟางช่วยลดการติดเชื้อ สมานแผล แก้ลักปิดลักเปิด โรคเหงือก ลดอาการผื่นคัน มีสาร volvatioxin ชะลอและยับยั้งเซลล์มะเร็ง บำรุงร่างกาย บำรุงกำลัง แก้ช้ำใน บำรุงตับ และยังมีรสชาติอร่อย สามารถนำไปประกอบอาหารได้หลายชนิด จึงทำให้เห็ดฟางเป็นที่นิยมของคนไทย เป็นที่ต้องการของตลาด อีกทั้งยังปลูกง่าย โตเร็ว วัสดุที่ใช้ในการปลูกก็หาง่าย ใช้เวลาในการเพาะแค่ 7-8 วันก็สามารถเก็บไปรับประทานและจำหน่ายได้แล้ว วันนี้ Blogger ลูกลำปาว เลยจะมาขอนำเสนอ วิธีการเพาะเห็ดฟางแบบง่ายๆ ใช้พื้นที่น้อย ไม่ยุ่งยาก ที่ทำแล้วได้ผลจริงมาฝากกัน นั้นก็คือ การเพาะเห็ดฟางในตะกร้าครับ......


วัสดุอุปกรณ์ในการเพาะเห็ดฟางในตะกร้า

1. ตะกร้า โดยในที่นี้เราจะใช้ตะกร้าตาห่างนะครับ หากหาไม่ได้จริงๆเราสามารถนำตะกร้าตาถี่มาตัดตาออกให้ห่างได้ครับ....และก้นตะกร้าควรระบายน้ำได้ครับ ถ้าตะกร้าระบายน้ำไม่ได้เราก็นำมาเจาะก้นครับ

2. ฟางข้าว ในที่นี้จะใช้ฟางที่แห้งสนิท ไม่เปียกฝนมาก่อน หรืออาจจะประยุกต์ใช้วัสดุอื่นๆที่หาได้ในท้องถิ่นแทนก็ได้ เช่นเปลือกถั่วเขียว ชานอ้อย เป็นต้น


3.อาหารเสริม เช่น ผักตบชวาสด หรือแห้ง เปลือกถั่วต่างๆ ผักบุ้ง มูลวัว/ควายแห้ง รำ เศษฝ้าย ไส้นุ่น ก้อนเชื้อนางรม/นางฟ้าเก่า เป็นต้น
4.ก้อนเชื้อเห็ด
5.แป้งข้าวเหนียวหรือแป้งข้าวจ้าวก็ได้..
6.เครื่องดื่มชูกำลัง

วิธีการเพาะเห็ดฟางในตะกร้าแบบง่าย ให้ได้เห็ดดอกโตๆ

1. เตรียมเชื้อเห็ดโดยให้ขยี้เชื้อเห็ดให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วใส่ในภาชนะ ทุกๆ 1 กิโลกรัมให้ผสมแป้งข้าวเหนียวหรือแป้งข้าวเจ้าก็ได้จำนวน 1 ช้อนโต๊ะ ผสมลงในเชื้อเห็ดคนให้เข้ากัน จะทำให้เชื้อเห็ดเดินดีและแข็งแรง


2.ใช้ฟางที่แช่น้ำไว้หนึ่งคืนแล้ว นำมากดลงก้นตะกร้าให้แน่น สูงประมาณ 1 ฝ่ามือหรือ 2-3 นิ้ว


3.นำอาหารเสริมต่างๆ แช่น้ำพอชื้น แล้วนำมาโรยชิดขอบตะกร้า


4.โรยเชื้อเห็ดฟางที่เตรียมไว้แล้ว ทับบนอาหารเสริม ก็จะได้ชั้นที่ 1


5.นำฟางมาปิดทับ หนาประมาณฝ่ามือ กดให้แน่น จากนั้น นำเครื่องดื่มชูกำลังจำนวน 1 ฝา ผสมน้ำเปล่า จำนวน 5 ลิตร คนให้เข้ากัน แล้วใช้น้ำดังกล่าวรดให้ชุ่ม โดยน้ำที่ผสมเครื่องดื่มชูกำลังและอาหารเสริมจะช่วยทำให้เห็ดดอกโตครับ...
ใช้ผักตบชวาหั่นเป็นอาหารเสริมเพาะเห็ดฟาง

6.จากนั้นทำเหมือนชั้นที่ 1 ซ้ำไปเรื่อยๆจนเต็มตะกร้า โดยชั้นบนสุดโรยอาหารเสริมเต็มหน้าตะกร้า โรยเชื้อให้ทั่ว โรยอาหารเสริมทับอีกครั้ง 

การใช้น้ำผสมเครื่องดื่มชูกำลังช่วยทำให้เห็ดฟางดอกโต

7.นำตะกร้าไปวางในสถานที่ที่เตรียมไว้ ควรเป็นที่ร่ม เช่นใต้ร่มไม้ และควรรดน้ำที่พื้นดินให้เปียกเพื่อที่จะได้รับความชื้นจากการระเหยของน้ำในดิน 
สถานที่วางตะกร้าเพาะเห็ดฟาง

8.จากนั้นคลุมด้วยพลาสติก  การคลุมพลาสติกเป็นเรื่องสำคัญที่แต่ละแห่งในแต่ละฤดูจะต้องดัดแปลงไปตามความต้องการของเห็ด คือ สำหรับฤดูร้อน ช่วงระยะแรก ราววันที่ 1-2 เชื้อเห็ดต้องการอุณหภูมิประมาณ 35-38 องศาเซลเซียส และ ในวันต่อ ๆ มาต้องการอุณหภูมิต่ำลงเรื่อย ๆ จนราววันที่ 8-10 ซึ่ง เป็นวันที่เก็บผลผลิตนั้นต้องการอุณหภูมิราว 30 องศาเซลเซียส  โดยเราจะคุมอุณหภูมิโดยการทับด้วยฟางแห้งหรือแสลน ถ้าอากาศร้อนก็ใช้ฟางทับน้อย ถ้าอากาศเย็นก็ใช้ฟางทับหนาๆ แล้วปล่อยทิ้งไว้ 3 คืน เมื่อครบสามคืนให้เปิดระบายอากาศประมาณ 3 ชั่วโมง เพื่อให้อากาศถ่ายเท กระตุ้นการสร้างดอกเห็ด ถ้าวัสดุเพาะแห้งเกินไปก็รดน้ำเพียงเล็กน้อยเพื่อตัดเส้นใย เป็นการกระตุ้นให้สร้างจุดกำเนิดดอกเห็ดอีกวิธี 

9.ในฤดูหนาวช่วง 1-8 วัน ต้องควบคุมอุณหภูมิให้ได้ระดับ 37-40 องศาเซลเซียสถ้าหากอุณหภูมิสูงเกินไป ให้เปิดช่องลมระบายอากาศด้านบน หรือรดน้ำรอบๆ เพื่อลดอุณหภูมิลงก็ได้ สำหรับฤดูร้อนหว่างวันที่ 5-8 ต้องควบคุมอุณหภูมิให้อยู่ระหว่าง 28-32 องศาเซลเซียส และเมื่อเห็ดเป็นดอกเล็กๆ จำนวนมาก ห้ามเปิดพลาสติกบ่อยครั้งเพราะจะทำให้ดอกเห็ดฝ่อได้การเก็บเกี่ยวผลผลิต ประมาณวันที่ 8-9 ในฤดูร้อนหรือวันที่ 12-15 ในฤดูหนาว โดยจะใช้มีดที่คมตัดดอกเห็ดที่ขนาดพอดีตัดให้ชิดขอบตะกร้า ส่วนดอกที่เกิดด้านบนก็จะใช้นิ้วหัวแม่มือและนิ้วชี้จับดอกเห็ดบิดเบาๆให้วัสดุเพาะติดออกมาน้อยที่สุด จากนั้นนำไปทำความสะอาดเพื่อนำไปประกอบอาหารหรือนำไปจำหน่ายต่อไปได้....


การคลุมพลาสติกกระโจมเพาะเห็ดฟางในตะกร้า

การเพาะเห็ดฟางในตะกร้าประยุกต์ใช้ในโรงเรือนง่ายต่อการจัดการ


การประยุกต์ใช้สุ่มไก่แทนกระโจมเพื่อเพาะเห็ดฟางในตะกร้า

การเพาะเห็ดฟางในตะกร้าใช้ถุงพลาสติกห่อตะกร้าละใบ

เห็ดฟางในตะกร้าเมื่อได้อาหารเสริมที่ดีก็จะดอกโต

เห็ดฟางใช้เวลาเพาะประมาณ 8-9 วัน ในฤดูร้อนหรือ12-15 วันในฤดูหนาว

การคุมอุณหภูมิและการระบายอากาศและการรดน้ำตัดเส้นใยมีผลต่อจำนวนดอกเห็ด

เพาะเห็ดฟางในตะกร้า 1 ตะกร้าทำได้หลายชั้น ให้ผลผลิตสูงถึง 0.5-1 กิโลกรัมต่อตะกร้า



การเก็บผลผลิตให้ตัดชิดขอบตะกร้า เพื่อให้วัสดุเพาะติดออกมาน้อยที่สุด เพื่อให้เห็ดเกิดอีกรุ่น

เห็ดฟางที่เก็บมาเตรียมทำความสะอาดเพื่อนำไปประกอบอาหารหรือส่งไปจำหน่าย

READ MORE - การเพาะเห็ดฟางในตะกร้า ใช้พื้นที่น้อย จัดการง่าย ต้นทุนต่ำ กำไรงาม...