สวัสดีครับ วันนี้ blogger looklumpao จะเปลี่ยแนวนิดนึง เพราะช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้าสวนเข้าไร่ เลยจะขอนำเสนอเนื้อหาอีกแนวนึง นั้นก็คือการลงทุนครับ..
แน่นอนว่าการลงทุนมีหลายรูปแบบและวิธีการ เราสามารถลงทุนได้ในหลายสินทรัพย์ที่เราถนัด และจุดประสงค์ของผู้ลงทุนก็คือความมั่งคั่ง ไม่ว่าจะเป็นการลงทุนในหุ้น อสังหา หรือว่าคริปโต แต่มีสิ่งหนึ่งที่หน้าใหม่ๆที่เข้ามาในตลาด ไม่ค่อยรู้คือ ถ้าใครเข้ามาในวงการโดยที่มีความรู้ไม่มากพอก็จะไม่สามารถเอาชนะตลาดได้และมักจะขาดทุนย่อยยับกลับไป หรือที่เขาเรียกว่า "แมงเม่าบินเข้ากองไฟ"นั้นเอง...
สำหรับวิธีการลงทุนนั้น มีหลากหลายรูปแบบที่เขาทำกันจนร่ำรวย มีทั้งสายเทคนิคดูกราฟ สาย vi ดูพื้นฐาน ถือยาว หรือ สายกินปันผลดอกเบี้ยทบต้น เป็นต้น ซึ่งแต่ละคนต้องเลือกวิธีการที่เหมาะสมกับตนเอง...
สำหรับมือใหม่ที่พึ่งเข้ามาลงทุนนั้น ความรู้ยังไม่มากพอ ผู้เขียนอยากแนะนำให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่ไม่มีความเสี่ยงสูง และให้เลือกวิธีการแบบ DCA...
DCA คืออะไร??..
DCA ย่อมาจาก Dollar-Cost averraging เป็นการลงทุนในสินทรัพย์อะไรก็ตาม ด้วยเงินจำนวนเท่าๆกัน ในเวลาสม่ำเสมอ (อาจกำหนด วันละครั้ง เดือนละครั้ง ปีละครั้ง) โดยไม่สนใจว่าราคาสินทรัพย์ขณะนั้นจะเป็นอย่างไร
DCA ดีอย่างไร
เราสามารถลงทุนทีละน้อย ในเวลาสม่ำเสมอ เมื่อเวลาผ่านไปสักระยะ ต้นทุนที่เราลงไปจะเฉลี่ยไม่ต่ำหรือสูงเกินไป และสามารถให้เราทำกำไรได้ในที่สุด ในภายหลังเมื่อสินทรัพย์นั้นกลับมามีราคาดีขึ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องดูพื้นฐานสินทรัพย์ด้วย ไม่ใช่ว่าลงทุนวิธีนี้แล้วจะชนะเสมอไป เช่นลงทุนหุ้นที่พื้นฐานไม่ดี หุ้นลงต่อเนื่อง DCA ให้ตายสุดท้ายหุ้นออกจากตลาดไป ก็เจ๊งได้เหมือนกัน...
แล้วข้อเสียของ DCA ล่ะคืออะไร...
สำหรับข้อเสียนั้นก็คือ เมื่อเราลงทุนไปแล้วเราต้อง DCA แบบต่อเนื่อง อาจใช้เวลานาน กว่าจะกลับมากำไร และเงินที่เรานำมาลงนั้นจะไม่สามารถเอาไปใช้อะไรได้ เพราะฉะนั้นการลงทุนแบบนี้ต้องใช้เวลาและความอดทนสูง และบางทีผลกำไรอาจไม่เยอะหรือหวือหวา แต่ความเสี่ยงก็ไม่ค่อยสูงเหมือนกัน และนั้นก็คือเหตุผลที่ DCA จึงเป็นวิธีที่เหมาะกับมือใหม่แบบเราๆที่จะต่อสู้กับเสือสิงห์กระทิงแรดในตลาดได้ และจะไม่ได้กลายเป็นแมงเม่าให้เขาได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเราต้องเลือกสินทรัพย์ที่พื้นฐานดี และคิดว่าไม่ล้มละลายง่ายๆ และ DCA ไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่ง สินทรัพย์ก็จะตอบแทนเรา(หวังว่าจะเป็นแบบนั้น) ถึงแม้จะไม่เยอะ แต่ก็ดีกว่าขาดทุน.....
