การปลูกหม่อน
ใบหม่อนเป็นอาหารของไหม ถ้าหากคิดที่จะเลี้ยงไหมต้องปลูกหม่อนก่อน วิธีการปลูกต้นหม่อนก็ง่ายๆ
สิ่งที่ต้องเตรียม
1.กิ่งหม่อนที่แก่จัด พร้อมที่จะแตกกิ่ง
2.ปุ๋ยคอก
3.ฮอร์โมนเร่งใบ
วิธีทำ
1.เริ่มจากนำกิ่งหม่อนตัดเป็นท่อนประมาณหนึ่งฟุตไปแช่ในน้ำฮอร์โมน 1 คืน
2.เตรียมหลุมโดยขุดกว้างฟุตยาวฟุต ห่างกันหลุมละประมาณสองฟุต สับดินให้ละเอียดโดยผสมปุ๋ยคอกลงไปด้วย
3.นำกิ่งพันธุ์ที่แช่ไว้ไปปักในหลุม สองถึงสามท่อน
4.ช่วงสองสัปดาห์แรกรดน้ำทุกวัน เมื่อกิ่งพันธุ์แตกใบอ่อนแล้ว ก็ให้ดูแลเรื่องวัชพืชศัตรูพืช แต่เมื่อต้นหม่อนโตแล้วก็ไม่ค่อยได้ดูแลเท่าไหร่เพราะเป็นพืชทนแล้งทนหนาว
วิธีการเก็บเกี่ยว
เก็บให้เหมาะสมตามช่วงอายุของหนอไหมดังภาพ
การเก็บใบหม่อนควรเก็บให้เหมาะสมกับวัย ดังนั้น
วัยที่ 1 ใบที่ 2-3 (นับจากยอดลงมา)
วัยที่ 2 ใบที่ 4-6
วัยที่ 3 ใบที่ 7-10
วิธีการเลี้ยงไหม
หนอนไหมจะกินอาหารตลอดเวลา ยกเว้นตอนลอกคราบ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้ใบหม่อนสดในปริมาณที่เพียงพอ โดยแบ่งเวลาเลี้ยงไหมเป็น 4 ช่วงคือ เวลา 06.00 น., 11.00 น., 16.00 น. และ 20.00-21.00 น. โดยในแต่ละมื้อจะให้ใบหม่อนแก่หนอนไหมในปริมาณที่ไม่เท่ากัน โดยในมื้อสุดท้ายจะต้องให้มากกว่ามื้ออื่น ๆ เนื่องจากช่วงระยะเวลาห่างจากมื้อต่อไปจะยาวนานที่สุด
1. การเลี้ยงไหมวัยอ่อน
การเลี้ยงไหมวัยอ่อน หมายถึง กาารเลี้ยงไหมวัยที่ 1-3 ซึ่งจำเป็นต้องมีการดูแลที่ดีเพื่อทำให้หนอนไหม
แข็งแรงและสมบูรณ์ เพราะจะมีผลต่อเนื่องไปถึงไหมวัยแก่ด้วย
การเลี้ยงไหมวัยอ่อน ควรใช้ฟองน้ำชุบน้ำมาวางล้อมรอบ
พื้นที่เลี้ยงไหมและใช้กระดาษพาราฟินปิดคลุม
ไหมวัยอ่อนจะกินใบหม่อนประมาณ 20-25 กิโลกรัมต่อแผ่นหรือกล่อง ควรเลี้ยงด้วยใบหม่อนสดตามเวลาที่กำหนด ให้เพียงพอ โดยมื้อกลางวันให้เท่าหรือ น้อยกว่ามื้อเช้า ส่วนมื้อเย็นให้มากกว่าเนื่องจากระยะเวลาที่หนอนไหมจะได้ กินใบหม่อนในมื้อต่อไปยาวกว่ามื้ออื่น ใบหม่อนที่ใช้เลี้ยงจะต้องหั่นให้มีขนาดพอดี คือ หั่นเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสให้มีด้านยาวและด้านกว้างขนาดประมาณ 1 1/2 - 2 เท่าของความยาวของตัวหนอน
พื้นที่เลี้ยงไหม
ในการเลี้ยงไหมที่ดี เกษตรกรควรจะดูแลอย่าให้จำนวนหนอนไหมในกระด้งแน่นแออัดเกินไป มีการขยาย
พื้นที่เลี้ยงให้เหมาะสมในแต่ละวัย โดยไหมวัยอ่อนจะใช้พื้นที่ประมาณ 4 ตารางเมตร/กล่อง (อัตรา 5,000 ตัว/ตารางเมตร)
ตัวอย่าง การเลี้ยงไหม 1 กล่อง (แผ่น)
- วัยที่ 1 เริ่มเลี้ยงใช้พื้นที่ขนาด 1-1 1/2 เท่าของแผ่นไข่ตัวเต็มวัยใช้พื้นที่ 1 - 1.3 ตารางเมตร
- วัยที่ 2 ขยายพื้นที่ 2 ครั้ง ตัวเต็มวัยใช้พื้นที่ 2-3 ตารางเมตร
- วัยที่ 3 ขยายพื้นที่ 2 ครั้ง ตัวเต็มวัยใช้พื้นที่ 4-6 ตารางเมตร
การถ่ายมูล
ควรถ่ายมูลไหมตามเวลาที่กำหนด คือ ช่วงก่อนไหมนอนและไหมตื่น เพื่อลดความชื้นและสิ่งหมักหมม
ดังนี้
- ช่วงก่อนไหมนอนโรยแกลบเผาหรือปูนขาว วางตาข่ายให้อาหาร 2 มื้อ แล้วยกตาข่ายถ่ายมูล
- ช่วงไหมนอน โรยแกลบเผาหรือปูนขาวเท่านั้น
- ช่วงไหมตื่น โรยสารเคมี วางตาข่ายให้อาหาร 2 มื้อ แล้วยกตาข่ายถ่ายมูลออก
อุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมสำหรับเลี้ยงไหมวัยอ่อน
- วัยที่ 1 อุณหภูมิ 27-28 องศาเซลเซียส ความชื้น 90% ขึ้นไป
- วัยที่ 2 อุณหภูมิ 26-27 องศาเซลเซียส ความชื้น 85-90%
- วัยที่ 3 อุณหภูมิ 25-26 องศาเซลเซียส ความชื้น 80-85 ไหมนอน ความชื้นต่ำกว่า 70%
2. การเลี้ยงไหมวัยแก่
การเลี้ยงไหมวัยแก่ หมายถึง การเลี้ยงไหมวัย 4-5 จนกระทั่งไหมทำรัง การจัดพื้นที่เลี้ยงจะต้องมีขนาดเหมาะสม กับปริมาณหนอนไหม เพราะหนอนตัวโตจะมีการเผาผลาญมาก อาจจะทำให้สภาพอากาศรอบ ๆ ร้อน การจัด การแรงงานก็จะต้องเหมาะสม ใบหม่อนที่เก็บมาเลี้ยงไหมสามารถทำได้ทั้งโดยวิธีเก็บใบและตัดกิ่งเลี้ยง
โดยเฉพาะการเลี้ยงไหมพันธุ์ลูกผสมต่างประเทศในวัยที่ 5 เกษตรกรจะตัดกิ่งหม่อนมาเลี้ยงเพื่อความรวดเร็วในการเลี้ยงไหม และประหยัดแรงงานการเลี้ยงไหมด้วย
พื้นที่การเลี้ยงไหม
ในการเลี้ยงไหมพันธุ์ลูกผสมต่างประเทศ เกษตรกรจะตัดหม่อนเป็นกิ่งมาเลี้ยง โดยจะแบ่งพื้นที่การเลี้ยง
ดังนี้
1. พื้นที่ 20 ตารางเมตร/กล่อง สำหรับเกษตรกรทั่วไป
2. พื้นที่ 16 ตารางเมตร/กล่อง สำหรับเกษตรกรที่มีความชำนาญ
สำหรับเกษตรกรที่เลี้ยงเป็นกระด้งจะใช้ 40 กระด้ง/กล่อง
อุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงไหมวัยแก่
- วัยที่ 4 อุณหภูมิ 24-25 องศาเซลเซียส ความชื้น 75-80%
- วัยที่ 5 อุณหภูมิ 23-24 องศาเซลเซียส ความชื้น 70-75% ไหมนอน ความชื้นต่ำกว่า 70%
การปฏิบัติในการเลี้ยงไหมวัยแก่มีดังนี้
ไหมวัยแก่กินใบหม่อนมากประมาณ 85-90% ของปริมาณใบหม่อนทั้งหมด ดังนั้นควรให้อาหารวันละ 3-4 ครั้ง ในปริมาณที่พอเพียงกับความต้องการ จะทำให้ตัวไหมสมบูรณ์และได้รังดีมีคุณภาพการเลี้ยงด้วยกิ่งจะทำให้ใบหม่อนไม่แห้งเร็ว มีการถ่ายเทอากาศได้ดีและควรขยายพื้นที่ให้เหมาะสมในแต่ละวัยด้วย
ตัวอย่าง การเลี้ยงไหมโดยใช้พื้นที่ 20 ตารางเมตรต่อกล่อง
- วัยที่ 4 เริ่มเลี้ยงพื้นที่ 5 ตารางเมตร ขยายพื้นที่ 2 ครั้งให้ได้พื้นที่ 10 ตารางเมตร
- วัยที่ 5 เริ่มเลี้ยงพื้นที่ 5 ตารางเมตร ขยายพื้นที่ 2-3 ครั้งให้ได้พื้นที่ 20 ตารางเมตร
การถ่ายมูล
ไหมวัยแก่ควรมีการถ่ายมูลบ่อยครั้ง เพราะใบหม่อนที่ให้มีปริมาณมากและจะมีเศษเหลือ เวลาที่ความชื้นสูง
ฝนตกชุกอาจทำให้หนอนไหมเป็นโรคได้ ดังนั้น จึงต้องมีการลดความชื้น ซึ่งสามารถทำได้โดยการโรยแกลบเผาหรือปูนขาว เพื่อลดการเกิดโรคของหนอนไหม ขั้นตอนการถ่ายมูลมีดังนี้
หมายเหตุ วัย 5 ถ่ายมูลหลังจากไหมตื่น 1 ครั้ง และตอนกลางวัย 5 อีก 1 ครั้ง
การเก็บไหมสุก
ไหมวัย 5 ประมาณวันที่ 6-8 ตัวไหมจะโตเต็มที่ อาหารที่กินจะถูกนำไปสร้างเป็นต่อมเส้นใยพร้อมจะทำรัง
ลักษณะลำตัวโปร่งแสงมูลไหมมีสีเขียวอ่อน หยุดกินอาหาร เดินเร็ว หัวส่ายไปมาและพ่นเส้นใยออกมาห่อหุ้มตัวเอง
การเก็บไหมสุกเข้าจ่อ ปัจจุบันนิยมเก็บ 2 วิธี คือ
- เก็บทีละตัว นิยมใช้กับการเลี้ยงไหมจำนวนน้อย เพราะเสียเวลามาก
- เขย่ากิ่งสำหรับการเลี้ยงไหมโดยใช้กิ่งหม่อน จะทำให้สามารถเก็บได้เร็ว วิธีนี้จะเหมาะกับการเลี้ยงไหมจำนวนมากเนื่องจากประหยัดแรงงานและสามารถเก็บได้ทันต่อเวลา
จ่อที่ ใช้เก็บรังไหมก็มีหลายชนิด เช่น
- จ่อกระด้ง ใส่ตัวไหมได้ 700 ตัว
- จ่อพลาสติก จ่อลวด จ่อกก ความยาว 1 เมตร ใส่ตัวไหม 300-350 ตัว
- จ่อหมุน ใส่ตัวไหมได้ 1,500 ตัวต่อชุด ดังนั้นจะต้องใช้ประมาณ 12-13 ชุด/กล่อง
การดูแลขณะไหมทำรัง
ก่อนที่ไหมทำรังจะมีการขับถ่ายของเหลวออกมาประมาณ 0.5-1 ซีซี ซึ่งจะส่งผลทำให้สภาพแวดล้อมเปีย
ชื้นและสกปรก ดังนั้นจึงควรหากระดาษมาปูพื้นเพื่อซับความร้อน และปรับสภาพแวดล้อมโดยรอบให้มีการถ่ายเท
อากาศดี อุณหภูมิที่เหมาะสมคือ 23-24 องศาเซลเซียส ความชื้นสัมพัทธ์ประมาณ 65-70%
วิธีการสาวไหม
การทอผ้าไหม
ตัวอย่างชิ้นงานอันล้ำค่าอันเกิดจากผ้าไหม