ชายวิปริต กินเลือดภรรยาตัวเอง แวมไพร์ในร่างมนุษย์

22.8.54

ชายวิปริต กินเลือดภรรยาตัวเอง แวมไพร์ในร่างมนุษย์
แวมไพร์ผีฝรั่งที่ดื่มเลือดคนเป็นอาหารใครว่ามีแต่ในนิยาย เมื่อเกิดกรณีดื่มเลือดคนสด ๆ ขึ้นมาจริง ๆ ทั้งตัวต้นเหตุก็ไม่ใช่ผี แล้วก็ไม่ใช่ฝรั่งด้วย แต่เป็นชายแดนภารตะคนหนึ่ง ที่ดื่มเลือดสด ๆ ของภรรยาตัวเองมานานติดต่อกันถึง 3 ปี จนในที่สุดภรรยทนไม่ไหวต้องวิ่งโร่ไปแจ้งตำรวจ



แหล่งข่าวจากเว็บไซต์ weirdasianews.com บอกเล่าข่าวประหลาดชวนสะอิดสะเอียน เกิดขึ้นที่ จังหวัดดาโมห์ ของอินเดีย เมื่อหญิงรายหนึ่งไม่เปิดเผยนามวัย 22 ปี เข้าขอความช่วยเหลือจากตำรวจหลังจากถูก นายมายะห์ ปราเดช สามีตัวเองดื่มเลือดมา 3 ปีเต็ม โดยสาวเคราะห์ร้ายแต่งงานกับสามีคนนี้เมื่อปี 2550 แรกนั้นก็ยังปกติดี แต่เพียงไม่กี่เดือนคล้อยหลัง สามีของเธอก็เริ่มบังคับให้เธอสละเลือดตัวเองให้เขาดื่ม โดยใช้เข็มฉีดยาสูบเลือดจากแขนของเธอมาใส่แก้วแล้วกระดกสด ๆ ทั้งอุ่น ๆ ข้น ๆ อย่างนั้น ซึ่งเขาอ้างว่าทำให้มีกำลังวังชาแข็งแรง นายมายะห์ก็ทำเช่นนั้นเรื่อยมา แม้ในช่วงที่เธอตั้งครรภ์ลูกน้อยของเขา หนุมเพี้ยนคนนี้ก็ยังไม่เว้น ส่วนตัวเธอเองแม้จะไม่ยินยอม แต่ก็ต้องจำนนเพราะหากเธอขัดขืนสามีคนนี้ก็จะใช้กำลังทุบตีทำร้ายร่างกาย เหตุการณ์เป็นเช่นนี้เรื่อยมา จนในที่สุดเส้นความอดทนของเธอขาดผึง หอบผ้าผ่อนพร้อมลูกน้อยหนีกลับไปบ้านพ่อแม่ไปเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา ฝ่ายพ่อแม่ของเธอเมื่อได้รับรู้เรื่องราวก็ยิ่งตระหนกกับพฤติกรรมผีดิบของลูกเขย พาลูกสาวเข้าแจ้งความกับตำรวจในท้องถิ่น แต่โชคร้ายไม่สามารถดำเนินการใด ๆ ได้เพราะเป็นคนละท้องที่กับแหล่งเกิดเหตุ ครอบครัวสาวเคราะห์ร้ายเลยต้องย้ายไปแจ้งความที่สถานีตำรวจฮินโดริยะ ซึ่งเป็นท้องที่พำนักของเธอกับสามี แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัดอีกที่ตำรวจไม่รับแจ้ง เพราะไม่เห็นหนทางจะจัดการกับปัญหาภายในครอบครัวอย่างไร สุดท้ายชาวบ้านผู้ได้รับรู้เรื่องราวทนไม่ไหว ผนึกกำลังกันกดดันจนคุณตำรวจรับแจ้งความจนได้ โดยสามีผีดิบคนนี้จะถูกดำเนินคดีในข้อหาทำร้ายร่างกายให้ได้รับบาดเจ็บ

โอย ไม่รู้ไปเอาความคิดวิปริตแบบนี้มาจากไหนกัน ดีนะที่ในที่สุดสาวเจ้าก็ไหวตัวหนีหลุดมาจากนรกบนดินได้ ไม่งั้นมีหวังโดนสูบจนเลือดหมดตัวเข้าสักวันล่ะ หยึย!
READ MORE - ชายวิปริต กินเลือดภรรยาตัวเอง แวมไพร์ในร่างมนุษย์

แห่ดูอึ่งอ่างสีทองลายคล้ายใบโพธิ์

22.7.54

แห่ดูอึ่งอ่างสีทองลายคล้ายใบโพธิ์
เมื่อวันที่ 17 ก.ค. ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่ามีคนพบอึ่งอ่างสีทองอยู่ในบ้านในซอยเยาวราช ม.7 ต.คลองขุด อ.เมืองสตูล จากนั้นจึงรุดไปตรวจสอบที่บ้านของนายธีรยุทธ เดชพิชัย อายุ 27 ปี เจ้าของบ้านและเจ้าของอึ่งอ่างสีทอง จากนั้นนายธีรยุทธได้นำอึ่งอ่างสีทองที่เลี้ยงอยู่ในกะละมัง โดยรองด้วยผ้าขาวและมีน้ำใส่ขันน้ำไว้ให้ ซึ่งจากการตรวจสอบเป็นอึ่งอ่าง ที่มีลำตัวขนาดยาวประมาณ 2 นิ้ว กว่า ที่ลำตัวเป็นสีทองเหลืองอร่าม และมีลวดลายเหมือนใบไม้มองดูคล้ายใบโพธิ์ สวยงามมาก และแปลกประหลาดไปจากตัวอึ่งอ่างอื่นๆมาก



นายธีรยุทธ เดชพิชัย อายุ 27 ปี เล่าว่า ตนทำงานอยู่ที่ห้างเทสโก้โลตัส สาขาสตูล ซึ่งตั้งอยู่ในท้องที่อ.ควนโดน จ.สตูล ซึ่งเมื่อคืนเวลา 23.00 น. ตนตื่นมาเพื่อที่จะไปทำงานอยู่ช่วงต่อพนักงานคนอื่น พอตื่นขึ้นมาก็พบอึ่งอ่างสีทองอยู่บนพื้นในบ้านด้านหน้า พบว่าตัวของอึ่งอ่างซึ่งตนตั้งชื่อว่าทองนั้นมีสีเหลืองดั่งทองเปล่งประกายออกมา แปลกประหลาดมาก ตนไม่เคยเห็นแบบนี้มาก่อน ตนเลยถ่ายภาพด้วยกล้องโทรศัพท์ไว้แล้วเปิดไฟ จากนั้นก็นำไปเก็บเลี้ยงไว้ แล้วไปทำงาน



โดยอึ่งอ่างสีทองจะหลบนอนในที่เย็นและมืด พอชาวบ้านทราบข่าวก็มาดูตั้งแต่เช้าตนไม่ได้นอนนอนก็ต้องออกมาให้เขาดูคนที่มาดูก็บอกว่าท่านมาให้โชคลาภและมีการดูเลขตีเลขกันต่างๆนานา และแนะนำให้ตนเอานมให้กิน ตอนแรกเอาหนอนนกให้กินก็ไม่กิน ตอนนี้ยังไม่กินอะไรเลย จะหาจิ้งหรีดให้กินก็หาไม่ได้ กำลังจะซื้อนมมาให้กิน คิดว่าจะเลี้ยงไว้ต่อไป

ขอบคุณที่มา
http://www.khaosod.co.th
READ MORE - แห่ดูอึ่งอ่างสีทองลายคล้ายใบโพธิ์

สะพานไห่วานสะพานที่ยาวสุดในโลก(41.58 กิโลเมตร)

8.7.54

สะพานที่ยาวที่สุดในเอเชีย
รัฐบาลจีนได้รับคำวิจารณ์ว่า เร่งสร้างสะพานไห่วานที่ยาวสุดในโลกเพื่อให้ทันวันฉลองครบรอบ 90 ปีพรรคคอมมิวนิสต์ (1 ก.ค) ซึ่งการก่อสร้างในวันส่งมอบงานยังไม่เรียบร้อย แหวนสกรูราวสะพานยังไม่ได้ขันให้แน่น อาจเกิดปัญหาเรื่องความปลอดภัยได้
สะพานที่ยาวที่สุดในเมืองจีน


โกลบอลไทมส์ สื่อกระบอกเสียงรัฐบาลจีนเผยว่า “ด้วยความเร่งรีบที่ต้องสร้างสะพานให้แล้วเสร็จก่อนวันที่ 1 ก.ค.เพื่อเฉลิมฉลองนั้นฯ แหวนสกรูบนราวสะพานที่สูง 15 เมตร ยังไม่ได้ขันให้แน่นครบทั้งหมด”


สะพานไห่วานนับเป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก ใช้เวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น 4 ปี มีความยาวโดยรวม 41.58 กิโลเมตร กว้าง 35 เมตร ใช้คอนกรีตเสริมเหล็กอย่างดีในการก่อสร้าง รับประกันอายุการใช้งานนาน 100 ปี โดยใช้งบประมาณในการลงทุนมากกว่า 10,000 ล้านหยวน



นอกจากนั้นซีซีทีวีของจีนรายงานเมื่อต้นสัปดาห์นี้ว่า “ระบบไฟฟ้าก็เพิ่งจะติดตั้งก่อนวันเปิดสะพานเพียงวันเดียว (30 มิ.ย.) ซึ่งในทางความจริงจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยอีก 2 เดือนสะพานถึงจะสมบูรณ์แบบ”


แรงงานก่อสร้างสะพานให้สัมภาษณ์กับซีซีทีวีในขณะที่กำลังไขแหวนสกรูอยู่บนราวสะพาน ว่า “เวลาก่อสร้างใกล้หมดแล้ว”


หนังสือพิมพ์โกลบอลไทมส์ยกคำกล่าวของหัน ปิน ผู้เชี่ยวชาญด้านสะพานแห่งมหาวิทยาลัยเป่ยจิงเจียวทงว่า “เพื่อต้องการมอบของขวัญให้ทันวันสถาปนาพรรคคอมมิวนิสต์ครบ 90 ปี (1 ก.ค.) แรงงานหลายคนไม่สามารถหยุดงานได้จนกว่าสะพานจะเสร็จและเปิดใช้การได้”
จีนมักจะกำหนดวันเปิดสิ่งก่อสร้างสำคัญให้สอดคล้องกับวันครบรอบเฉลิมฉลองก่อตั้งพรรคในวันที่ 1 ก.ค. หรือวันชาติ 1 ต.ค. เพื่อสะท้อนให้เห็นความสำเร็จของรัฐบาล



อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวซินหวายกคำสัมภาษณ์ของเส้า ซินเผิง หัวหน้าทีมวิศวกรก่อสร้างสะพานฯ (6 ก.ค.) ซึ่งยืนยันว่า สะพานปลอดภัยและพร้อมใช้งาน “สิ่งก่อสร้างที่เป็นรองไม่สำคัญเท่าตัวสะพาน ไม่กระทบต่อการเปิดใช้สะพาน ส่วนเรื่องระบบไฟนั้นเป็นเพียงเรื่องความสวยงามเท่านั้น”


อย่างไรก็ตามชาวเน็ตจีนไม่เชื่อ พร้อมชี้ว่าวิศวกรและรัฐบาลท้องถิ่นโฆษณาชวนเชื่อเรื่องความปลอดภัย
สะพานที่เปิดในวันฉลองครบรอบ 90 ปีพรรคคอมมิวนิสต์


สะพานไห่วานสะพานที่ยาวสุดในโลก(41.58 กิโลเมตร)

สะพานเมืองจีน

สะพานที่ยาวที่สุดในโลก
READ MORE - สะพานไห่วานสะพานที่ยาวสุดในโลก(41.58 กิโลเมตร)

'ส้มตำโบราณ' ทำเงินแบบไม่ต้องใช้ครก

5.3.54

ส้มตำโบราณ
ขาย “ส้มตำ” อาจจะคิดว่า ต้องใช้ครก ใช้สากแบบเต็มรูปแบบ แต่มีส้มตำแบบโบราณที่ไม่ต้องมีครก-สากก็สามารถเป็นส้มตำได้ อย่าง “ส้มตำโบราณ” ที่ปราณบุรี ที่เป็น “ช่องทางทำกิน” กรณีศึกษาในวันนี้...

สายฝน แสงพรม หรือ แม่แหม่ม เป็นเจ้าของร้านส้มตำโบราณแม่แหม่ม เจ้าตัวเล่าว่า ส้มตำโบราณนี้ตนเองเพิ่งจะมาขายได้ไม่นาน แต่จริง ๆ แล้วมีขายมาตั้งแต่สมัยรุ่นยาย และเมื่อหลายปีก่อนตนก็เคยขายไว้รอบหนึ่ง เพื่อเป็นรายได้เสริม เพราะมีลูกหลายคน ต้องส่งเรียนหนังสือ แต่ตอนหลังไม่สบาย จึงได้เลิกขายไปช่วงหนึ่ง เพื่อรักษาตัว เมื่อทางราชการได้มาบูมถนนคนเดิน ที่สถานีรถไฟปราณบุรี ก็ได้ออกมาขายอีกครั้ง ส่วนสูตรส้มตำโบราณนี้ก็เป็นสูตรมาตั้งแต่รุ่นยายซึ่งตนก็เป็นฝ่ายรับช่วงต่อมา ส้มตำโบราณนี้ เป็นส้มตำที่ไม่ต้องใช้ครก เน้นใช้ของทะเลเป็นส่วนประกอบหลัก อาทิ ปลาหมึกตากแห้ง ปีกปลาหมึกตากแห้ง ไข่ปลาหมึก ปลาหวาน หอยเสียบ ส่วนผักสดมี มะละกอดิบ และแตงกวา ราดด้วยน้ำจิ้ม 3 แบบ คือ ซอสแดง, น้ำจิ้มเผ็ดมาก มีรสเปรี้ยว และน้ำจิ้มเผ็ดกลาง มีรสชาติหวาน อุปกรณ์ที่ใช้เป็นอุปกรณ์เบ็ดเตล็ดทั่วไปที่ใช้ในครัวเรือน แต่จะใช้เตาถ่าน ตะแกรงปิ้ง ถาด สำหรับปิ้งปลาหมึก และของสดอื่น ๆ กล่องพลาสติกสำหรับใส่มะละกอ และแตงกวา และโถแก้วสำหรับใส่น้ำจิ้ม 3 โถ ตะบวย เครื่องปั่น มีดสำหรับสับมะละกอ ฯลฯ

มะละกอดิบ แต่ละวันใช้ประมาณ 10 กก. ล้างให้สะอาด ปอกเปลือกให้เรียบร้อย ค่อย ๆ สับลงไป และขูดออกเป็นเส้น ๆ เหมือนทำมะละกอส้มตำ ส่วนแตงกวานั้นให้ผ่าครึ่งตามยาว แล้วซอยเป็นชิ้น ๆ จากนั้นใส่กระติกน้ำขนาดกลาง โดยใส่มะละกอลงไปจำนวนหนึ่งก่อน ใส่แตงกวาลงไป ตามด้วยมะละกอ และแตงกวา สลับกันไปเป็นชั้น ๆ จากนั้นใส่น้ำแข็งบดแช่เย็นแล้วปิดฝา เตรียมไว้ ส่วนของทะเล มีปลาหวาน ใช้ปลาริวคิว กก.ละ 240 บาท ใช้คราวละ 2 กก., หอยเสียบ ราคา กก.ละ 300 บาท ใช้ 300 กรัม, ไข่ปลาหมึก 2 กก. ราคา กก.ละ 300 บาท ปีกปลาหมึกตากแห้ง แบบเป็นแผ่น ๆ กก. ละ 300 บาท ใช้ 1.5 กก. และปลาหมึกตากแห้งแบบตัวเล็ก หรือปลาหมึกกะตอย กก. ละ 300 บาท ใช้ 1.5 กก.

ปลาหมึกตัวเล็ก ให้ตัดเป็นชิ้นเล็ก 1 ตัวตัดได้ 2 ชิ้น นำไปเสียบไม้ ไม้ละ 7 ชิ้น แล้วนำไปย่าง ปีกปลาหมึกตากแห้ง ใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้นเล็ก ๆ เสียบไม้ ไม้ละ 8 ชิ้นเช่นกัน แล้วนำไปย่าง ปลาหวานใช้กรรไกรตัดเป็นชิ้น ๆ นำไปทอด ไม่ต้องเสียบ หอยเสียบนำมาเสียบไม้ละ 12 ตัว แล้วนำไปย่าง ส่วนไข่ปลาหมึก ซื้อมาเป็นแท่งยาว ๆ นำไปตากแดด 1 แดดก่อนแล้วนำมาเสียบ ไม้ ไม้ละ 5 ชิ้น แล้วนำไปย่าง ซึ่งจะขายราคาไม้ละ 15 บาท

แต่ละอย่าง เมื่อทอด และย่างมาจากบ้านแล้ว ใส่กล่องแพ็กเตรียมไว้ ก่อนวางขาย ให้จิ้มซอสแดงแล้ววางเรียงบนถาดให้เรียบร้อย

สำหรับน้ำจิ้มมี 3 แบบ แบบแรกคือ ซอสแดง สำหรับจิ้มของทุกชนิดก่อนขาย และใช้เป็นน้ำจิ้มสำหรับ
จิ้มปลาหมึกตอนขาย ซึ่งมีส่วนผสมของน้ำตาลปึก 2 กก. นำไปเคี่ยวให้ละลาย จากนั้นใส่ซอสแดงที่ใส่ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ 2 ถุง (ถุงละ 5 บาท) ลงไป ส่วนน้ำจิ้มอีก 2 อย่าง มีน้ำจิ้มแบบเผ็ดมาก แต่มีรสเปรี้ยว และน้ำจิ้มเผ็ดปานกลาง แต่มีรสหวาน วิธีทำน้ำจิ้มแบบเผ็ดมาก ให้ละลายน้ำตาลปึก 2 กก. กับน้ำเปล่า 2 ลิตร และหัวน้ำส้มสายชู 1/2 กก. ให้เข้ากัน พักไว้ จากนั้นตำพริกขี้หนู 1/2 กก. และกระเทียม 9 กลีบ เข้าด้วยกัน และใส่เกลือลงไป 2 ช้อนชา แล้วนำไปผสมกับส่วนผสมชุดแรก ซึ่งวิธีทำน้ำจิ้มนี้สามารถใช้เครื่องปั่นก็ได้ เสร็จแล้วนำน้ำจิ้มที่ทำเสร็จแล้วใส่ในขวดโหลแก้วเตรียมไว้ ส่วนวิธีทำน้ำจิ้มเผ็ดปานกลาง แต่มีรสหวาน ให้ละลายน้ำตาลปึก 1.5 กก. และน้ำเปล่า 1.5 กก. ให้เข้ากัน จากนั้นตักน้ำจิ้มเผ็ดมากออกมา 3-4 ตะบวย ลงไปผสม ใส่โหลแก้ว เท่านี้เป็นอันเรียบร้อย วิธีขาย แม่แหม่มบอกว่า จะตั้งราคาขายตามของทะเลเป็นหลัก คือขายตามราคาไม้ ส่วนผักสด ได้แก่ มะละกอสับ และแตงกวา และน้ำจิ้ม ทางร้านจะให้ฟรี ซึ่งหลัก ๆ จะให้น้ำจิ้มเผ็ด (จะเป็นน้ำจิ้มแบบเผ็ดมาก หรือเผ็ดปานกลาง ก็แล้วแต่ลูกค้าจะเลือก) และซอสแดง วิธีทำเป็น “ส้มตำโบราณ” คือ คลุกมะละกอดิบสับ และแตงกวาสับ กับน้ำจิ้มให้เข้ากัน วางของทะเลตามที่ลูกค้าสั่งไว้ด้านบนให้สวยงาม เท่านี้ก็เรียบ ร้อย และจะให้ซอสแดงสำหรับจิ้มปลาหมึกเพิ่มด้วย

ถ้าลงทุนของประมาณ 2,000 บาท ขายหมดจะได้ 3,000 บาทขึ้นไป

ส้มตำโบราณร้านแม่แหม่ม ขายอยู่ที่ตลาดถนนคนเดิน 200 ปี หน้าสถานีรถไฟปราณบุรี บ้านเมืองเก่า หมู่ที่ 5 ตำบลปราณบุรี อำเภอปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขายทุกวันเสาร์ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป หมายเลขโทรศัพท์ 08-6084-8210.

--@--คู่มือลงทุน ส้มตำโบราณ

ทุนอุปกรณ์ 5,000 บาทขึ้นไป
ทุนวัตถุดิบ 2,000 บาท/วัน
รายได้ 3,000 บาทขึ้นไป/วัน
แรงงาน 1-2 คนขึ้นไป
ตลาด ตลาดนัด/แหล่งชุมชน
จุดน่าสนใจ ขายเป็นรายได้เสริมได้
READ MORE - 'ส้มตำโบราณ' ทำเงินแบบไม่ต้องใช้ครก

วิธีการกัดกระจก

การกัดกระจกหรือการสร้างลวดลายบนกระจกนั้นเป็นงานที่ไม่ยากอย่างที่คุณคิด เพียงแค่มีใจรักในงานศิลป์ อาจสามารถทำเป็นอาชีพเสริมได้
วิธีการกัดกระจก



วัสดุอุปกรณ์


1. กระจกเงาหรือกระจกใส

2. กระดาษสติ๊กเกอร์สีเข้ม ๆ

3. กาวสำหรับติดแบบ

4. ภาพต้นแบบสำหรับกัดลาย (สีขาว - ดำ)

5. คัตเตอร์

6. ดินน้ำมัน

7. น้ำยากัดกระจก

8. ถุงมือยางและผ้าปิดจมูก

ขั้นตอนการทำ



1. หาแผ่นกระจกให้เหมาะสมกับขนาดของงานหรือรูปภาพที่จะใช้เป็นแบบกัดลาย และทำความสะอาดกระจกเสียก่อน
2. นำสติ๊กเกอร์สีเข้ม ๆ มาติดกระจกด้านที่ต้องการกัดลาย การติดสติ๊กเกอร์ต้องไล่อากาศออกให้หมดโดยใช้น้ำเป็นละอองให้ทั่วกระจก แต่อย่าให้เปียกชุ่ม แล้วจึงค่อยติดสติ๊กเกอร์ลงไปบนกระจก เลื่อนขยับให้เข้าที่ แล้วใช้ผ้าไปบนสติ๊กเกอร์ตามความยาวของแผ่นกระจกออกแรงกดเล็กน้อย น้ำและฟองอากาศจะเคลื่อนตัวออกมาจนแห้ง
3. นำภาพต้นแบบที่เป็นภาพขาว - ดำมาทากาว แล้วปิดทับลงบนสติ๊กเกอร์อีกชั้นหนึ่ง รอจนกาวแห้งติดสติ๊กเกอร์ดีแล้วจึงใช้คัตเตอร์แกะลายตามแบบ โดยแกะลวดลายเฉพาะส่วนที่ต้องการจะเอาออก
4. หลังจากแกะลายตามแบบเสร็จแล้วให้ดึงภาพต้นแบบออกจากนั้นนำดินน้ำมันมากั้นล้อมรอบขอบกระจก ระวังอย่าให้มีรอยรั่ว แล้วเทน้ำยากัดกระจก ให้ทั่วแผ่นทิ้งไว้ประมาณ 2 -3 ชั่วโมง เสร็จแล้วเทน้ำยาออกแล้วล้างด้วยน้ำสะอาดก่อน
5. ลอกสติ๊กเกอร์ออกจากกระจก จะเห็นเป็นลวดลายตามที่แกะเน้นสีขาวขุ่นให้ทำความสะอาดแผ่นกระจกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง




READ MORE - วิธีการกัดกระจก

คนค้นฅน - 1 วิญญาณ 2 สังขาร (15 ก.พ. 2554)

17.2.54

คนค้นฅน - 1 วิญญาณ 2 สังขาร (15 ก.พ. 2554)
คนค้นฅน - 1 วิญญาณ 2 สังขาร
เรื่องราวของ 1 วิญญาณ ที่ต้องรับผิดชอบสองสังขาร




READ MORE - คนค้นฅน - 1 วิญญาณ 2 สังขาร (15 ก.พ. 2554)

"แพลเน็ต โซลาร์" เรือยักษ์-พลังแสงอาทิตย์!


องค์กร "แพลเน็ตโซลาร์" เปิดตัว "เรือพลังงานแสงอาทิตย์" 100 เปอร์เซ็นต์ขนาดใหญ่ยักษ์ที่สุดลำแรกของโลก เท่าที่เคยมีการต่อขึ้นมา เตรียมนำออกแล่นไปทั่วโลกเพื่อปลุกกระแสและแสดงให้เห็นว่า "เทค โนโลยีเซลล์สุริยะ" ซึ่งเป็นพลังงานสะอาด อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมนั้นสามารถใช้งานได้จริง และเป็นทางเลือกใหม่สำหรับธุรกิจเรือโดยสาร รวมถึงเรือสำราญ!



ความพยายามคิดค้นนำเอา "เซลล์สุริยะ" หรือ "แผงโซลาร์เซลล์" มาติดตั้งกับ "เรือ" นั้นเริ่มทดลองกันตั้งแต่เมื่อประมาณ 30 ปีก่อน

กระทั่งล่าสุด แนวคิดดังกล่าวก็กลายเป็นจริงในที่สุด

ภายหลังจากองค์กร "แพลเน็ตโซลาร์" ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ประสบความสำเร็จในการสร้างเรือที่ขับเคลื่อนด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ 100 เปอร์เซ็นต์ และใช้ชื่อเรือชื่อเดียวกับชื่อองค์กรนั่นเอง!



"ความรู้สึกของผมตอนนี้ไม่รู้จะบรรยายออกมาว่าอย่างไรดี เพราะมันตื้นตันไปหมดนะครับ

"เรือลำนี้คือสิ่งที่ผมเฝ้าฝันถึงมาโดยตลอด" ราฟาเอล ดอมญอง วัย 38 ปี 1 ในผู้ริเริ่มโครงการแพลเน็ตโซลาร์ กล่าว

เรือสีขาวสะอาดลำนี้มีเนื้อที่ 100 คูณ 50 ฟุต

ด้านบนของตัวเรือติดตั้งแผงเซลล์สุริยะ สีดำทะมึน กินเนื้อที่ประมาณ 5,380 ตารางฟุต

ส่วนตรงกลางลำเรือเป็นที่ตั้งของ "สะพานเดินเรือ" ซึ่งจะมีกัปตันคอยช่วยกันทำหน้าที่ 2 คน

"แพลเน็ตโซลาร์" รองรับผู้โดยสารสูงสุดถึงหลักร้อย
READ MORE - "แพลเน็ต โซลาร์" เรือยักษ์-พลังแสงอาทิตย์!

คลิปจากฝั่งเขมร เครื่องยิง BM21 ขณะยิงถล่มใส่ไทย

14.2.54

คลิปจากฝั่งเขมร เครื่องยิง BM21 ขณะยิงถล่มใส่ไทย

เอาใจช่วยทหารไทยด้วยนะครับ




READ MORE - คลิปจากฝั่งเขมร เครื่องยิง BM21 ขณะยิงถล่มใส่ไทย

ทหารทลายฐานปฏิบัติการณ์ย่อยRKKที่เจาะไอร้อง นราธิวาส วันที่ 9 ก.พ. 54

9.2.54

ทหารทลายฐานปฏิบัติการณ์ย่อยRKKที่เจาะไอร้อง
ทหารทลายฐานปฏิบัติการณ์ย่อยRKKที่เจาะไอร้องยึดของกลางเพียบ แถมรวบผู้ต้องสงสัยได้ 1 คน และส่งกำลังไล่ล่าคาดโจรใต้นำปืนเอ็ม 16 ที่ปล้นจากฐานพระองค์ดำหนี

เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 9 ก.พ. 54 พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส และ พ.ท.ชัยนรินทร์ เกษมโชติพัฒน์ ผบ.ฉก.นราธิวาส 31 ได้ร่วมสนธิกำลังสั่งการให้ ร.อ.สมบูรณ์ โชติเนตร หัวหน้าฝ่ายข่าว ฉก.นราธิวาส 31 นำกำลังจำนวน 50 นาย ขึ้นพิสูจน์ทราบบนเทือกเขาบ้านเจาะเกาะ ม.13 ต.บูกิต อ.เจาะไอร้อง หลังจากสืบทราบว่ามีกองกำลังติดอาวุธ RKK ใช้สถานที่ดังกล่าวตั้งฐานปฏิบัติการณ์ย่อย เพื่อซ่องสุมกำลังเตรียมที่จะวางแผนก่อเหตุร้ายขึ้นในพื้นที่ อ.เจาะไอร้อง

โดยเจ้าหน้าที่ต้องใช้เวลาเดินเท้าขึ้นเทือกเขาที่ลาดชันไปประมาณ 1 ก.ม. พบฐานปฏิบัติการณ์ย่อยของกองกำลังติดอาวุธ RKK ที่ปลูกสร้างด้วยเสาไม้ 4 ท่อน และใช้ผ้าใบกันฝนทำเป็นหลังคา จำนวน 1 หลังที่ตั้งตะหง่านอยู่บนเนินดิน โดยมีกองกำลังติดอาวุธ RKK จำนวน 6-7 คน เดินและนั่งอยู่รอบฐาน และเมื่อเจ้าหน้าที่กำลังกระจายกำลังกันโอบล้อมอยู่นั้น กองกำลังติดอาวุธ RKK เห็นเจ้าหน้าที่จึงได้ส่งสัญญาณยิงใส่เจ้าหน้าที่ จนทั้ง 2 ฝ่ายได้เปิดฉากปะทะกันเป็นละลอกๆนานกว่า 15 นาที กลุ่มคนร้ายเห็นจวนตัวจึงได้พากันนำกำลังล่าถอยไป แต่เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมสมาชิกแนวร่วมได้ 1 คน พร้อมยึดของกลางได้จำนวนกว่า 100 รายการ

ซึ่งของกลางที่สำคัญๆประกอบด้วย ชุดลายพรางทหาร กระสุนปืนเอ็ม16 หมวกไหมพรม เปลสนาม เชือก เวชภัณฑ์ มีดพร้า เป้สะพาย เข็มขัดกระสุน ผ้าโสร่ง เสื้อยืดสกรีนเป็นภาษีลูมี แปลเป็นไทยว่าแผ่นดินใครปกครองและอื่นๆอีกเป็นจำนวนมาก

ต่อมาเจ้าหน้าที่ทหารได้ทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมด พร้อมควบคุมตัวสมาชิกแนวร่วม 1 คน ไปทำการตรวจสอบและสอบขยายผลที่ฐานปฏิบัติการณ์ชุดเฉพาะกิจนราธิวาส 31 พร้อมประสานแพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสนันท์ ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรงยุติธรรม ทำทำการตรวจสอบ ดี.เอ็น.เอ. เพื่อเก็บหลักฐานขยายผลไปสู่การจับกุมกลุ่มสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ RKKต่อไป

ส่วนกำลังอีก จำนวนหนึ่ง พ.อ.เฉลิมชัย สุทธินวล ผบ.กรมทหารพรานที่ 45 ได้ส่งกำลังขึ้นไล่ล่าบนเทือกเขา ซึ่งคาดว่ากลุ่มสมาชิกกองกำลังติดอาวุธ RKK ที่หลบหนีไปได้นั้น น่าจะมีอาวุธปืน เอ็ม.16 ที่คนร้ายได้บุกปล้นจากคลังอาวุธของร้อย ร.15121 ฉก.นราธิวาส 39 เมื่อคืนวันที่ 19 มกราคม 54 ที่ผ่านมา
READ MORE - ทหารทลายฐานปฏิบัติการณ์ย่อยRKKที่เจาะไอร้อง นราธิวาส วันที่ 9 ก.พ. 54

เทคนิคการถ่ายภาพเวลากลางคืนให้สวย

7.2.54

เทคนิคการถ่ายภาพในเวลากลางคืนให้สวย
การถ่ายภาพกลางคืน (NIGHT LIGHT) ได้แก่ การถ่ายภาพที่อาศัยแสงสว่างจากไฟฟ้าตามท้องถนน ป้ายนีออนโฆษณา
น้ำพุ การยิงพลุ ห้องโชว์สินค้า ไฟประดับในวันเฉลิมฉลองต่าง ๆ แสงไฟจากรถยนต์ แสงเทียน สายฟ้าแลบ ดวงจันทร์ และดวงดาวบนท้องฟ้า ความสวยงามต่าง ๆ ที่เราสามารถมองเห็นได้ในเวลาค่ำคืนดังกล่าว เรา สามารถบันทึกภาพที่งดงามเหล่านั้นด้วยกล้องถ่ายภาพได้เช่นเดียวกับการถ่ายภาพในเวลากลางวัน แต่จะมีเทคนิคยังไงนั้นไปดูกัน
ถ่ายภาพตอนกลางคืนยังไงให้สวย
การถ่ายภาพกลางคืนไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นจนเกินไป โดยเฉพาะแสงสีในเมืองนั้น สามารถถ่ายภาพให้ดู สวยงามได้ง่ายๆ เพียงแต่มีกล้องที่ปรับความเร็วชัตเตอร์ต่ำได้ และหาวิธีป้องกันภาพสั่นไหวจากความเร็ว ชัตเตอร์ต่ำ หากถือกล้องด้วยมือ ภาพที่ได้จะเบลอไม่คมชัด วิธีที่ดีที่สุดคือใช้ขาตั้งกล้อง ซึ่งจะช่วยลดการ สั่นไหวได้เป็นอย่างดี หากความเร็วชัตเตอร์ต่ำมากๆ เช่น 1 วินาที หรือต่ำกว่านั้น ไม่ควรใช้นิ้วกดปุ่ม ชัตเตอร์โดยตรง เพราะเพียงกดชัตเตอร์เบาๆ ก็อาจเกิดการสั่นไหวจนส่งผลให้ภาพที่ได้ขาดความคมชัด ควรใช้สายลั่นชัตเตอร์ แต่ถ้าไม่มีก็ใช้ระบบถ่ายภาพหน่วงเวลาก็ได้ กล้องบางรุ่นเลือกหน่วงเวลาช่วงสั้นๆ เช่น 2 หรือ 3 วินาที ทำให้ถ่ายภาพได้โดยไม่ต้องรอคอยนานเกินไป สำหรับกล้องดิจิตอลเมื่อมีสิ่งรองรับ กล้องที่มั่นคง ก็ไม่จำเป็นต้องใช้ความไวแสงสูงๆ ควรปรับ ISOไปที่ต่ำสุด เพื่อให้ภาพที่ได้มี Noise น้อยที่สุดหรือไม่มีเลย
ปรับกล้องยังไงไม่ให้มี noise

การถ่ายภาพตอนกลางคืนวัตถุที่ถูกถ่ายก็คือต้นกำเนิดแสงตามท้องถนน เช่นไฟของรถยนต์ ไฟข้างถนน ไฟจากหน้าต่างของตึกรามบ้านช่องจึงไม่มีการจัดแสงเหมือนตอนถ่ายภาพตอนกลางวัน แต่ก็ควรจัดองค์ ประกอบให้ตำแหน่งดวงไฟต่าง ๆ อยู่ในกรอบของภาพอย่างน่าดู การตั้งหน้ากล้องในการถ่ายภาพตอน กลางคืน ไม่เหมือนตอนกลางวันที่มีค่าถูกต้องเพียงค่าเดียว ค่าการฉายแสงเมื่อถ่ายภาพตอนกลางคืน ขึ้นอยู่กับว่าเราอยากจะแสดงอะไรในภาพถ่าย สุดท้ายถ้าต้องการถ่ายภาพพลุหรือดอกไม้ไฟควรตั้งกล้อง
บนสามขา ใช้สายลั่นไกชัตเตอร์ ถ้าถ่ายภาพพลุให้โฟกัสภาพที่ไกลสุดแล้วเปิดหน้ากล้องประมาณ f/8 ใช้เวลา 2-3 วินาทีเป็นต้น ถ้าต้องการจะถ่ายภาพให้เห็นดวงประทีปโคมไฟบนท้องถนนในขณะมี่งาน เฉลิมฉลอง เช่นคืนวันเฉลิมพระชนมพรรษาก็อาจจะเปิดหน้ากล้อง f/16 เวลา 1/2 วินาที ก็อาจจะถ่ายภาพ ติดโดยใช้ฟิล์มความไวสูงแต่ถ้าเปิดหน้ากล้องนาน 4 วินาที ก็จะมีเส้นแสงเนื่องจากไฟหน้ารถยนต์ปรากฏเพิ่มเติม ในภาพดูงามตา ในการถ่ายภาพทิวทัศน์ตอนกลางคืนอาจใช้เส้นแสงในแนวทะแยงนำไปสู่จุดสำคัญในภาพ และถ้า ถ่ายให้เห็นแสงสะท้อนในน้ำด้วย ก็จะช่วยให้ภาพดูน่าสนใจยิ่งขึ้น สำหรับการถ่ายภาพตอนกลางคืนที่มีการแสดง ดนตรี ท่านควรเลือกใช้ฟิล์มที่มีความไวแสงสูงเช่น 400 หรือ 1000 ไอเอสโอ เลือกใช้เลนส์ที่มี f/2.8 ก็จะสามารถถ่ายภาพโดยใช้มือถือได้โดยไม่ควรใช้แฟลต เพราะแสงแฟลชจะไปทำลายบรรยากาศและแสงสีภายใน ห้องแสดง เป็นต้น ตัวอย่างภาพการแสดงดนตรีภายในห้องที่มีแสงไฟอบอุ่น
ถ่ายภาพยังไงไม่ให้แสงแฟลชไปทำลายบรรยากาศและแสงสีภายในห้อง

การถ่ายภาพในเวลากลางคืนนั้นต้องมีอุปกรณ์ที่จำเป็นดังนี้
1. กล้องถ่ายภาพชนิดที่มีความเร็วชัตเตอร์ B หรือ T
2. ขาตั้งกล้อง
3. สายไกชัตเตอร์
4. นาฬิกาจับเวลา
5. ไฟฉายดวงเล็ก ๆ
6. สมุดบันทึกสำหรับจดรายละเอียด เช่น เวลาในการเปิดหน้ากล้อง
วิธีการถ่ายภาพ ในเวลากลางคืน

วิธีการถ่ายภาพ ในเวลากลางคืน
1. ติดตั้งกล้องกับขาตั้งกล้องให้มั่นคง พร้อมติดตั้งสายลั่นชัตเตอร์ให้พร้อม
2. ส่องกล้องหาทิศทางในการถ่ายภาพ ให้ได้มุมที่เหมาะที่สุด
3. คาดคะเน สภาพแสงเพื่อกำหนดเวลา และรูรับแสง (โดยปกติถ้าเป็นไฟตามถนนปกติ จะใช้ประมาณ 5.6หรือ 8)
4. ตั้งความเร็วชัตเตอร์ที่ B ลั่นชัตเตอร์ค้างไว้ให้รถวิ่งผ่านจนเป็นที่พอใจ ประมาณ 10 -60 วินาที หรือถ้าทิ้งช่วงเวลานาน
ใช้ผ้าดำคลุมหน้าเลนส์ไว้ก่อนก็ได้

การถ่ายภาพไฟกลางคืน ควรถ่ายเผื่อหลาย ๆ ภาพ โดยใช้เวลาในการบันทึกภาพ และขนาดรูรับแสงต่าง ๆ กัน และจดบันทึกไว้จะดีที่สุด
และควรฝึกหัดเป็นประจำเพราะต้องอาศัยความชำนาญอย่างสูงในการถ่ายภาพประเภทนี้



การถ่ายภาพกลางคืน จะใช้โหมดที่ทำให้ การเปิดรับแสงของหน้ากล้อง ช้าลงกว่าเดิม หรือไปเพิ่มส่วน ของความไวแสงของตัวรับแสงให้มากขึ้น ดังนั้นเมื่อเราลอง ปรับการถ่ายรูปมาโหมด ถ่ายกลางคืน จะสังเกต ว่า ภาพที่ อยู่ในจอ จะเคลื่อนไหวเหมือนภาพสโลว์เวลาเราเลื่อนกล้องไประหว่างการเล็งถ่ายภาพดังนั้น ภาพที่ อยู่หน้ากล้อง เวลาที่ถ่ายโหมดกลางคืน ถ้าเป็นวัตถุที่มีการเคลื่อนไหว ก็ จะเกิดเป็น เส้น ของการเคลื่อนไหว เช่น ถ่ายรูปรถที่กำลังวิ่ง อยู่ตอนกลางคืนด้วย โหมด ถ่ายกลางคืน ไฟหน้า ไฟท้าย จะเป็นเส้น ยาวๆ หรือในทางกลับกัน หาก วัตถุที่เราจะ ถ่ายในโหมดกลางคืน ไม่ได้มีการเคลื่อนไหว แต่ มือเรา ดันเคลื่อนไหวตัวกล้อง ซะเอง ขณะกด ชัตเตอร์ผลก็คือภาพ จะเป็นเส้นเช่นเดียวกัน

ดังนั้นหลักการถ่ายภาพกลางคืนโดยการใช้โหมดกลางคืนนั้น มีวิธีการดังนี้
1. การปรับ เอ๊กส์โพส ควรปรับ ให้ โอเวอร์ ประมาณ +0.3 ขึ้นไป จน ถึง 1.2 โดย ยิ่งปรับ โอเวอร์มาเท่าไหร่ มือ
ต้อง ยิ่งนิ่งขึ้นไปเท่านั้น ถ้าต้องปรับเอ๊กส์โพส เยอะมากๆ ควรใช้ ขาตั้งกล้อง หรือ ที่วาง สำหรับ ถ่ายภาพน่าเหมาะสมกว่า
2. แนะนำให้เลือก อุณหภูมิสี แบบ แสงนีออน
3. ขณะเล็งจะถ่ายรูป พยายามดู ว่า สังเกต เห็น Noise ในหน้าจอหรือไม่ เพราะถ้าเห็น ในขณะ ถ่าย เมื่อนำภาพที่ถ่ายลง
คอมพิวเตอร์ ภาพที่ถ่ายมานั้นจะยิ่งมี Noise มากขึ้นอีก
4. สิ่งที่บ่งชี้ได้ ง่ายๆ เลย เรื่อง Noise มากหรือน้อย หาก ถ่ายโหมดกลาง คืน แล้ว เวลากด เล็งโฟกัส หาก สามารถ
โฟกัสได้เร็ว โดยที่ เราก็ปรับ เอ๊กส์โพส ไว้เยอะ นั่น หมายถึง รูปนั้น จะ คมชัด และมี Noise ไม่มาก ต่างกับรูปที่เราต้อง
ใช้เวลา หาโฟกัส อัตโนมัตินานๆ
5. ข้อ สำคัญ เมื่อกด ชัตเตอร์ลงไป แล้ว ควรจะ นิ่ง อยู่ สัก 1 วินาที ก่อน เปลี่ยน ตำแหน่งกล้อง
6. และสุดท้าย ถ้าไม่มีขาตั้งกล้อง สิ่งที่สำคัญนั้นคือมือต้องนิ่งมากๆ เอา แบบว่าตอนกดชัตเตอร์หยุด หายใจเลยได้ ยิ่งดี
READ MORE - เทคนิคการถ่ายภาพเวลากลางคืนให้สวย

อาวุธยุทโธปกรณ์ ของกัมพูชาที่ได้รับบริจาคมาจาก มหามิตร ที่ใช้สู้รบกับไทย

ข่าวสารไทยกัมพูชา
กัมพูชาได้ระดมสรรพกำลัง รวมทั้งอาวุธยุทโธปกรณ์เข้าสู่ชายแดนไทยในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา แสดงความพร้อมเต็มรูปแบบในการทำสงครามชายแดนกับไทยที่เริ่มมาตั้งแต่วันศุกร์ 4 ก.พ.2554 รวมทั้งการนำเอารถบรรทุกรุ่นใหม่ที่ได้รับบริจาคจากรัฐบาลสหรัฐฯ กับรัฐบาลจีนในปี 2551 และ 2552 ออกใช้เป็นครั้งแรกด้วย


ไม่เพียงแต่จะเห็นรถถัง T-55 กับ ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะ BTR-60 ที่ซื้อจากสาธารณรัฐยูเครนใหม่เอี่ยมเมื่อปีที่แล้วเท่านั้น ภาพถ่ายจากชายแดนฝั่งกัมพูชาล่าสุดได้เปิดเผยให้เห็นรถบรรทุกทหารใช้แล้ว ที่สหรัฐฯ บริจาคให้ในปี 2551 กำลังขนส่งทหารและอพยพราษฎรออกจากพื้นที่ อีกภาพหนึ่งเผยให้เห็นรถบรรทุกที่รัฐบาลจีนบริจาคให้ ถูกนำไปติดตั้งจรวด BM-21 "Grad" ซึ่งเป็นจรวดหมู่ (จรวดชุดหรือจรวดซัด) ที่ผลิตในสหภาพโซเวียตในอดีต กัมพูชาได้จรวดแบบนี้ ยิงโจมตีไทยในการปะทะบ่ายวันศุกร์ เช้าวันเสาร์และคืนวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ในบริเวณรอบๆ ปราสาทพระวิหารฝ่ายทหารของไทยกล่าว


ต่างไปจากการปะทะ 2 ครั้งแรกในเดือน ต.ค.2551 และ เดือน เม.ย.2552 ซึ่งครั้งนั้น ฝ่ายกัมพูชายังคงใช้รถบรรทุกขนาดใหญ่แบบเดิมที่ผลิตในโซเวียตบรรทุกทหารและพลเรือน รวมทั้งใช้ติดตั้งจรวดซัดด้วย ในเดือน มิ.ย.2551 ขณะที่ไทยกับกัมพูชากำลังพันตูกันเกี่ยวกับการขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหาร สหรัฐฯ ได้ส่งมอบรถบรรทุกทหารที่ใช้แล้วจำนวน 63 คันให้แก่กัมพูชา จากทั้งหมด 200 คันในโครงการช่วยเหลือประเทศนี้ปฏิรูปกองทัพให้ทันสมัย มีขนาดเล็กลงและมีความโปร่งใส การส่งมอบหยุดชะงักลงหลังรัฐบาลฮุนเซนส่งชาวอุ้ยกูร์ราว 20 คนให้รัฐบาลจีนในเดือน ธ.ค.


ชาวอุ้ยกูร์เหล่านั้น ลักลอบเดินทางออกจากจีนเพื่อขอลี้ภัย หลังการจลาจลใหญ่ในมณฑลซินเจียง-อุ้ยกูร์ และถูกทางการคอมมิวนิสต์เข้าปราบปราม ทั้งหมดกำลังติดต่อกับสำนักข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติในกรุงพนมเปญ รัฐบาลกัมพูชาประกาศส่งทั้ง 20 คนไปให้จีน เพียง 1 วัน ก่อนที่ นายซีจิ่นผิง (Xi Jinping) รองประธานาธิบดีจีน จะเยือนกัมพูชาในวันที่ 21 ธ.ค.2552 ซึ่งจีนได้ให้เงินกู้กับเงินให้เปล่าแก่รัฐบาลฮุนเซน ถึง 1,200 ล้านดอลลาร์ แม้จะกล่าวว่าสองเหตุการณ์ไม่เกี่ยวกันก็ตาม


กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ประกาศในเดือน ก.พ. 2553 ระบุว่า การหยุดส่งมอบรถบรรทุกทหารบริจาคจำนวนที่เหลือ เป็นมาตรการตอบโต้รัฐบาลฮุนเซนหลังจากการร้องขอไม่ให้เนรเทศชาวอุ้ยกูร์ แต่ฝ่ายกัมพูชาไม่ฟังเสียงทัดทาน


ในเดือน พ.ค.ฮุนเซน ได้ไปร่วมงานเซี่ยงไฮ้เอ็กซ์โป 2010 และ ได้พบหารือกับประธานาธิบดีจีน นายหูจิ่นเทา ในที่สุดรถบริจาคทุกชนิดรวม 257 คัน พร้อมเครื่องแบบทหารอีก 50,000 ชุด ก็ส่งถึงกรุงพนมเปญในเดือน มิ.ย.2553 ฮุนเซนกล่าวว่า จีนเป็นมิตรที่ดี ช่วยเหลือกัมพูชาตลอดมา และ “ไม่พูดมาก”


อย่างไรก็ตาม พล.ท.จื่อเวินจุน (Zhi Wenjun) ผู้ชี้นำทางการเมือง กรมใหญ่สรรพาวุธ กองทัพปลดแอกประชาชนจีน กล่าวในพิธีส่งมอบรถบรรทุกที่จัดขึ้นในกรุงพนมเปญ ในวันที่ 23 มิ.ย.2553 แสดงความหวังว่ารถบรรทุกทั้งหมดจะเป็นประโยชน์ต่อ “การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของกัมพูชา” “ข้าพเจ้าเชื่อว่า มิตรชาวกัมพูชาของเราจะสามารถใช้รถบรรทุกเหล่านี้ เพื่อประโยชน์ในการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม” พล.ท.เวินจุน กล่าวทั้งนี้เป็นรายงานในเว็บไซต์วิทยุเสียงอเมริกาภาคภาษาเขมร (VOA- Khmer)


ต่อสถานการณ์ล่าสุดที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ทั้งสหรัฐฯ และจีน ต่างออกเรียกร้องให้สองฝ่ายใช้ความอดทนและอดกลั้นอย่างถึงที่สุด แก้ปัญหาด้วยสันติวิธี คำแถลงของฝ่ายจีนยังระบุด้วยว่า จีนยังคงเป็นมิตรที่ดีกับทั้งสองประเทศ ในวันจันทร์นี้หลายประเทศรวมทั้งสิงคโปร์ ออสเตรเลีย และองค์การสหประชาชาติ ได้ออกเรียกร้องให้กัมพูชาและไทยใช้ความอดทนและอดกลั้นสูงสุด และ เจรจาเพื่อแก้ความขัดแย้งอย่างสันติ ในนิวยอร์กนายบันคีมูนเลขาธิการสหประชาชาติออกคำแถลงแสดงความ "เป็นกังวลอย่างสุดซึ้ง" ต่อการเผชิญหน้ากันระหว่างไทยกับกัมพูชา


"ท่านเลขาธิการใหญ่เรียกร้องให้ทั้งสองฝ่าย ต้องหามาตรการที่มีประสิทธิผลในการยุติความเป็นอริต่อกันและใช้ความอดกลั้นสูงสุด" คำแถลงของสำนักงานของนายบันระบุ...

อาวุธยุทโธปกรณ์ ของกัมพูชาที่ได้รับบริจาคมาจาก มหามิตร



ภาพวันที่ 6 ก.พ.2554 จรวดชุด BM-21 ที่ผลิตในสหภาพโซเวียตในอดีตแบบเดียวกับที่ทดลองยิงเมื่อตhนปี 2552 ถูกดัดแปลงติดตั้งบนรถบรรทุกที่ได้รับบริจาคจากจีนหลายชนิดจำนวน 257 คันเมื่อปีที่แล้ว กลายเป็นอาวุธลูกครึ่งทันสมัย ทหารกัมพูชากำลังจัดเตรียม เพื่อยิงถล่มฝ่ายไทยที่ชายแดนใกล้ปราสาทพระวิหาร


ภาพแฟ้ม 16 ต.ค.2551 หลังการปะทะครั้งแรก 1 วันที่ชายแดนด้านภูมะเขือ รถบรรทุกที่ทำในสหภาพโซเวียต บรรทุกจรวดซัด BM-21 "Grad" วิ่งห้อไปตามถนนลูกรังใน จ.พระวิหาร ทำให้ฝุ่นคลุ้ง วันนี้กัมพูชาดัดแปลงจรวดไปติดตั้งในรถบรรทุกที่ได้รับบริจาคจากจีนเมื่อปีที่แล้ว คันเล็กกว่า คล่องตัวกว่าและน่าจะช่วยประหยัดน้ำมันได้มากกว่า



ภาพแฟ้ม 23 มิ.ย. ทหารกัมพูชายืนอยู่หน้ารถบรรทุกลำเลียงพล "ตงเฟิง" (Dong Feng) เป็นหนึ่งในบรรดารถบรรทุกหลากชนิด ที่ได้รับมอบจากจีนจำนวน 257 คัน และ ในที่สุดก็ได้เห็นมาวิ่งที่ชายแดนไทยสัปดาห์ที่แล้ว



ภาพแฟ้ม 23 มิ.ย.2551 ยานพาหนะที่จีนมอบให้แก่กองทัพกัมพูชาทั้งหมด 257 คันรวมทั้งรถพยาบาลและรถบรรทุกที่ดัดแปลงติดตั้งจรวดชุดที่ผลิตในโซเวียตได้ พิธีส่งมอบจัดขึ้นที่สนามบินทหาร กรุงพนมเปญ





รถบรรทุกทหารกัมพูชากำลังนำราษฎรออกจากพื้นที่ชายแดนด้านปราสาทพระวิหาร สังเกตุให้ดีจึงรู้ว่าเป็นรถบรรทุก GMC M35A2 ที่รัฐบาลสหรัฐฯ บริจาคให้จำนวน 63 คันเมื่อ 3 ปีก่อน เพิ่งจะเห็นรถบรรทุกคันใหญ่นี้ ออกมาวิ่งให้เห็นที่ชายแดนไทยเป็นครั้งแรก แทนรถบรรทุกจากสหภาพโซเวียตที่ใช้มาแต่ยุคสงครามเย็น



ภาพแฟ้ม 18 ต.ค.2551 หรือ 3 วันหลังการปะทะครั้งแรกที่ชายแดนภูมะเขือ ทหารกัมพูชานั่งบนยานลำเลียงพลหุ้มเกราะรุ่นเก่าที่ผลิตในสหภาพโซเวียตตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ข้างบนติดตั้งปืนไร้แรงสะท้อน เข้าใจว่าที่นั่งข้างในคงจะเต็มหมดแล้ว กัมพูชาเพิ่งได้ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะรุ่นใหม่จากยูเครนปลายปีที่แล้ว



ภาพวันที่ 5 ก.พ.2554 มาคราวนี้นั่งรถ 8 ล้อ ทหารกัมพูชาบนยานลำเลียงพลหุ้มเกราะ BRT-60 ที่ซื้อจากสาธารณรัฐยูเครนปีที่แล้ว ซึ่งนำออกใช้แทนยานลำเลียงพลรุ่นเก่าที่มีอายุเกือบครึ่งศตวรรษ กัมพูชาได้ระดมทุกสรรพกำลังเข้าชายแดนไทยในครั้งนี้ ทุกอย่างต่างไปจากเมื่อครั้งปะทะกัน 3 ปีก่อน
READ MORE - อาวุธยุทโธปกรณ์ ของกัมพูชาที่ได้รับบริจาคมาจาก มหามิตร ที่ใช้สู้รบกับไทย

ถ่ายภาพสาวๆยังไงให้สวย

28.1.54

ในการถ่ายภาพบุคคลนั้นสิ่งที่คาดหวังที่สุดของคนที่ถูกถ่ายก็คืออยากให้ภาพตัวเองออกมาสวยและดูดีที่สุด เรามีเทคนิคง่ายๆในการถ่ายภาพบุคคลมาแนะนำครับ

7 เทคนิคง่ายๆของการถ่ายภาพบุคคล



1.โฟกัสที่ตา
หลักการสำคัญข้อแรกของการถายภาพบุคคลคือการโฟกัสที่ดวงตา เนื่องจากดวงตานั้นเป็นส่วนสำคัญที่สุดในภาพเนื่องจากเป็นสิ่งที่บ่งบอกและแสดงถึงอารมณ์ของภาพ ถ้าหากว่าเราไม่ได้โฟกัสที่ดวงตาและทำให้ตาไม่ชัดนั้นตัวแบบที่เราถ่ายจะดูเหมือนคนสุขภาพไม่ดีดูเหมือนคนป่วยทำให้ภาพขาดความน่าสนใจไปในทันที เหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือการถ่ายภาพบุคคลนั้นเรามักจะใช้รูรับแสงที่กว้างซึ่งจะทำให้มีระยะชัดลึกที่น้อย ถึงแม้ว่าเราจะทำการโฟกัสที่ใบหน้าแล้วก็ตามแต่หลายครั้งเอาอาจพบกรณีที่จมูกชัดแต่ดวงตาไม่ชัดหรือบางครั้งเป็นแก้มหรือว่าใบหูชัดแต่ดวงตาไม่ชัดก็มี การโฟกัสที่ดวงตาให้ชัดนั้นบางครั้งบริเวณไหล่หรือว่าใบหูไม่ชัดก็จะยังสามารถเป็นภาพที่ดีได้ ดวงตานั้นเป็นหน้าต่างของหัวใจการโฟกัสดวงตาให้ชัดจึงสำคัญเป็นประการแรก

ถ่ายภาพสาวๆยังไงให้สวย



2.อย่าตัดบริเวณข้อต่อ
หลักการสำคัญอีกประการหนึ่งก็คือการจัดองค์ประกอบภาพนั้นอย่าตัดกรอบภาพบริเวณข้อต่อ ซึ่งจะได้แก่ คอ ข้อศอก ข้อมือ เอว หัวเข่า ข้อเท้า เนื่องจากจะทำให้อารมณ์ภาพนั้นดูไม่ดี ความรู้สึกของคนดูภาพจะรู้สึกเหมือนว่าตัวแบบของเรานั้นแขนหรือขาขาดได้ การตัดกรอบภาพบริเวณแขนขาหรือลำตัวนั้นทำได้เพียงแต่เราต้องไม่ตัดบริเวณข้อต่อเท่านั้นเอง เนื่องจากข้อต่อต่างๆเป็นจุดเชื่อมต่อของร่างกายอยู่แล้ว การตัดบริเวณข้อต่อนั้นจะเป็นการเน้นย้ำความรู้สึกคนดูภาพว่าอวัยวะส่วนนั้นอาจขาดหายไปได้มากจนเกินไป การระวังไม่ตัดบริเวณข้อต่อจะทำให้ได้ภาพที่ดีกว่า

เทคนิคการถ่ายภาพบุคคล


3.สื่อสารกับตัวแบบของคุณให้ชัดเจน
เพราะว่าการถ่ายภาพ Portrait นั้นช่างภาพไม่ได้ทำงานคนเดียวเหมือนกับการถ่ายภาพแนวอื่นเช่นการถ่ายภาพทิวทัศน์ การถ่ายภาพบุคคลนั้นจึงเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างผู้ถ่ายและตัวแบบ ซึ่งต้องมีการสื่อสารพูดคุยกันว่าอย่างได้อารมณ์และท่าทางแบบไหน ศิลปะในการสื่อสารจึงเป็นสิ่งสำคัญประการแรกเลย คืออย่าทำให้ตัวแบบเรามีความเครียดอย่างเด็ดขาด เพราะว่าจะทำให้ไม่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ที่เป็นธรรมชาติออกมาได้ พยายามบอกเล่าและสื่อสารกันให้เข้าใจให้ได้ ว่าท่านต้องการอารมณ์และท่าทางแบบไหน เมื่อสามารถสื่อสารได้ตรงกันแล้วเชื่อแน่นอนได้ว่า คุณจะได้อารมณ์ของภาพแบบที่คุณต้องการได้ไม่ยากนัก

การถ่ายแบบ


4.ปล่อยให้เขาเป็นในแบบที่เขาเป็น
ในการถ่ายภาพบุคคลบางอย่างเช่นภาพแนววิถีชีวิต แนวสารคดีหรือว่าแนวอื่นๆก็ตาม บางครั้งเราต้องถ่ายภาพเพื่อสื่อความเป็นตัวตนของคนๆนั้นออกมา มากกว่าการที่จะให้คนๆนั้นทำตาม Concept ที่เราวางเอาไว้ ซึ่งภาพแนวนี้เราต้องมองให้เห็นและดึงความเป็นตัวตนของเขาออกมา โดยปล่อยให้เขาเป็นในแบบที่เขาเป็น ซึ่งสำหรับภาพแนววิถีชีวิตหรือแนวสารคดีนั้น การเดินเข้าไปถ่ายตรงๆนั้นค่อนข้างจะเสียมารยาทและทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้บ่อย การที่คนมีกล้องมีสิทธิ์ที่จะถ่ายภาพนั้นคนถูกถ่ายก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ให้ถ่ายได้พอๆกัน เราควรที่จะเข้าไปพบปะพูดคุยกันเสียก่อนแสดงความเป็นมิตรกับผู้ที่เราจะถ่ายภาพเขา ถ้าหากว่าเราผูกมิตรกับเขาได้โอกาสที่จะได้ภาพสวยๆนั้นมีความเป็นไปได้สูงครับ บางครั้งเราอาจต้องพูดคุยไปถ่ายไปและคอยจับกริยาท่าทางของเขาและก็ค่อยๆถ่ายไป แน่นอนครับในหลายๆครั้งเราต้องรอจับจังหวะถ่ายเอาเอง เพราะการจะบอกให้เขาทำท่าตามที่เราต้องการนั้นบางครั้งจะทำให้เขาเกร็งได้ครับ อย่างภาพตัวอย่างนี้ผมถ่ายภาพ “แป๊ะหลี” ซึ่งเป็นพ่อค้าขายกาแฟคนดังแห่งตลาดคลองสวนครับ ก็ต้องอาศัยเข้าไปนั่งพูดคุยกันอยู่สักพักถึงจะได้รูปดีๆมาครับ
การถ่ายภาพแนววิถีชีวิต


5.การควบคุมทิศทางแสงหรือ Window light
การควบคุมทิศทางแสงนั้นถือเป็นเทคนิคสำคัญอย่างหนึ่งของการถ่ายภาพบุคคลให้มีความแตกต่าง ในสถานะการณ์ต่างๆนั้นก็จะมีสภาพแสงที่แตกต่างกันไป ซึ่งเราต้องหาให้เจอว่าจะใช้งานแต่ละสภาพแสงนั้นๆอย่างไร หนึ่งเทคนิคที่สามารถใช้งานได้ง่ายคือการใช้งานแสงที่เข้ามาเพียงด้านเดียว ซึ่งจะเรียกว่า Window light เทคนิคนี้ใช้งานไม่ยากและสร้างความแตกต่างในภาพได้ดี เราสามารถใช้เทคนิคนี้ได้โดยการหาสถานที่ที่มีแสงเข้ามาด้านเดียว เช่นด้านข้างหน้าต่าง ประตู หรือว่าช่องกำแพงก็ได้ ขอให้เป็นสถานที่ๆสามารรถบีบให้แสงเข้ามาจากด้านเดียวได้ แล้วจัดให้แสงเข้ามาด้านข้างของตัวแบบ เท่านี้เราก็จะได้ภาพแสงที่แตกต่างจากปกติอยู่พอสมควรแล้วซึ่งเทคนิคนี้ไม่ยากจนเกินไปนัก อยู่ที่เราจะสามารถหาสภาพแสงในสถานที่นั้นๆได้หรือไม่ จากภาพตัวอย่างข้างล่างเป็นภาพที่ให้ตัวแบบยืนข้างๆช่องแสง เพื่อให้มีแสงเข้ามาทางด้านขวาของภาพเพียงด้านเดียว ทำให้ได้ภาพที่มีลักษณะแปลกตาและน่าค้นหามากขึ้น
เทคนิคการควบคุมแสงในการถ่ายภาพ


6.ถ่ายภาพย้อนแสง
หลายครั้งเราอาจเคยได้ยินว่าการถ่ายภาพย้อนแสงนั้นจะให้ให้ตัวแบบหน้าดำและได้ภาพที่ไม่ดี แต่ในความเป็นจริงแล้วการถ่ายภาพบุคคลย้อนแสงนั้นมีสิ่งที่ซ่อนอยู่ โดยเราจะได้ประกายของเส้นผมเกิดขึ้นจากการถ่ายภาพย้อนแสง ซึ่งสิ่งที่เราเองทำการแก้ไขคือการทำไม่ให้ตัวแบบเรานั้นหน้าดำซึ่งวิธีแก้นั้นจะมีอยู่ 3 วิธีด้วยกันได้แก่

1. ใช้การวัดแสงแบบเฉพาะจุดวัดแสงที่บริเวณแก้มของตัวแบบ ( วิธีการนี้อาจทำให้ฉากหลังว่างเกินไป)
2. ใช้แฟลชช่วยเติมแสงบริเวณใบหน้า
3. ใช้ Reflex ในการเติมแสงบริเวณใบหน้า ( วิธีนี้จะให้แสงที่นุ่มและมีมิติมากกว่าการใช้แฟลชธรรมดา แต่ต้องมีคนช่วยถือให้)

จากสามวิธีการข้างต้นนั้นจะทำให้เราสามารถถ่ายภาพย้อนแสงโดยมีประกายที่เส้นผมได้ โดยที่ไม่ทำให้ตัวแบบของเราหน้าดำอีกต่อไป วิธีการนี้ไม่ยากและนำไปปรับใช้กับสถานะการณ์ต่างๆได้ไม่ยากครับ

ถ่ายภาพย้อนแสงยังไงให้สวย


7.การถ่ายภาพบุคคลร่วมกับทิวทัศน์
ในหลายๆครั้งที่เราต้องถ่ายภาพบุคคลร่วมกับฉากหลังโดยที่เราจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับทั้งสองอย่างเช่น การไปถ่ายรูปในสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆหรือการถ่ายรูปกับสถานที่สำคัญ เรามักพบว่าโดยทั่วไปมักจะวางตัวแบบไว้ตรงกลางภาพซึ่งในหลายครั้งตัวแบบของเราจะไปบดบังภาพทิวทัศน์เบื้องหลัง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วมีวิธีง่ายๆที่จะทำให้ทั้งสองสิ่งอยู่ร่วมกันได้ ใน Tips&Trick ฉบับที่แล้ว เราพูดถึงการวางจุดสนใจในภาพซึ่งเราสามารถนำหลักการนั้นมาใช้งานร่วมกับการถ่ายภาพบุคคลได้เช่นกัน โดยให้เราทำการวางคนไว้ด้านซ้ายหรือด้านขวาภาพตามกฎของจุดตัด 9 ช่อง (ดูรายละเอียดจุดตัด 9 ช่องได้ใน Tips ฉบับก่อน) จะทำให้สามารถเก็บภาพของทิวทัศน์เบื้องหลังและภาพของตัวแบบเอาไว้ได้โดยไม่มีปัญหาใดๆ อีกวิธีการหนึ่งก็คือถ้าหากว่าเราต้องการถ่ายร่วมกับตึกหรือสิ่งที่มีลักษณะเป็นทรงตั้ง ให้เราจัดองค์ประกอบภาพเหมือนกับเป็นการถ่ายภาพคู่ก็ได้โดยให้จินตนาการว่าสถานที่นั้นๆเป็นคนอีกคนหนึ่ง ดังรูปที่สองด้านล่างที่เป็นคนถ่ายคู่กับโดมของธรรมศาสตร์

การถ่ายภาพบุคคลร่วมกับทิวทัศน์


เมื่อรู้เคล็ดลับแล้วลองเอาไปใช้ดูนะครับ แล้วสาวคนสวยของคุณก็จะสวยทั้งในรูปและตัวจริงครับ
READ MORE - ถ่ายภาพสาวๆยังไงให้สวย

วงการดาราศาสตร์ฮือฮา พบดาวเคราะห์ดวงใหม่ ร้อนที่สุดเท่าที่เคยพบ

เมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา เว็บไซต์เดลิเมล์ ของอังกฤษ รายงานว่า นักดาราศาสตร์พบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะดวงใหม่ มีอุณหภูมิสูงถึง 3,200 องศาเซลเซียส ซึ่งถือเป็นดาวเคราะห์ที่ร้อนที่สุดเท่าที่เคยพบมา

โดยดาวเคราะห์ดวงนี้ มีชื่อว่า WASP-33b หรือ HD15082 ถูกค้นพบเมื่อประมาณปีก่อน เป็นดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่อยู่ห่างจากแกแล็กซี่แอนโดรมีด้า (แกแล็กซี่ที่อยู่ใกล้เรามากที่สุด) ออกไปเพียง 380 ปีแสง และมีขนาดใหญ่กว่าดาวพฤหัสบดีซึ่งเป็นดาวเคราะห์ที่ใหญ่ที่สุดในระบบสุริยะถึง 4.5 เท่า โคจรรอบดวงอาทิตย์ของมันที่มีอุณหภูมิสูงถึง 7,160 องศาเซลเซียสในระยะที่ใกล้มาก จึงทำให้บนพื้นผิวของมันมีความร้อนสูงถึง 3,200 องศาเซลเซียส ซึ่งถือว่าเป็นดาวเคราะห์ที่ร้อนที่สุดตั้งแต่นักดาราศาสตร์เคยค้นพบมา และใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ของมันเพียง 29.5 ชั่วโมงเท่านั้น ซึ่งถือว่าเร็วมาก หากเทียบกับดาวพุธซึ่งเป็นดาวที่อยู่ใกล้ดวงอาทิตย์มากที่สุดในระบบสุริยะ ที่ต้องใช้เวลาโคจรรอบดวงอาทิตย์ถึง 88 วัน



ภาพจำลองระยะห่างของดาว WASP-33b กับดวงอาทิตย์ของมัน




ขนาดของดาว WASP-33b เมื่อเทียบกับขนาดของดาวพฤหัส (ซ้าย)


ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ดาวเคราะห์ดวงเก่าที่นักดาราศาสตร์พบว่าเป็นดาวเคราะห์ที่ร้อนที่สุด คือ ดาวเคราะห์ WASP-12b ในทางช้างเผือก ซึ่งมีอุณหภูมิ 2,300 องศาเซลเซียส โคจรรอบดวงอาทิตย์ของมันเพียง 1.1 วัน เรียกว่าความร้อนของมันยังถือเป็นน้องของดาว WASP-33b ที่ถูกค้นพบใหม่อยู่มาก เพราะมีอุณหภูมิต่างกันถึง 900 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว ขณะที่นักดาราศาสตร์เชื่อว่า ในจักรวาลอันกว้างใหญ่ไม่มีที่สิ้นสุดนี้ ยังคงมีดาวเคราะห์ที่ร้อนกว่านี้และมีวงโคจรรอบดวงอาทิตย์ที่เร็วกว่านี้อย่างแน่นอน อยู่ที่ว่ามันจะถูกค้นพบเมื่อไรเท่านั้นเอง


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก wikimedia
READ MORE - วงการดาราศาสตร์ฮือฮา พบดาวเคราะห์ดวงใหม่ ร้อนที่สุดเท่าที่เคยพบ

เจ้าหนูมหัศจรรย์ 3ขวบอัจฉริยะเป็นร๊อคเกอร์ตีกลอง คนทั่วโลกกว่า 10 ล้านแห่ชมทางยูทูบ

เจ้าหนูมหัศจรรย์ 3ขวบอัจฉริยะเป็นร๊อคเกอร์ตีกลอง
คลิปวิดีโอดังกล่าวโชว์ทักษะของเด็กชายโฮเวิร์ด หว่อง ชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน มือกลองจิ๋วอัจฉริยะวัย 3 ขวบตีกลองประกอบคลอไปกับเพลงร็อก “ไอ เฮต มาย เซล์ฟ ฟอร์ เลิฟวิ่ง ยู” ของคณะโจนเจ็ตต์ โดยผู้โพสต์คลิปดังกล่าวใช้ชื่อว่า lennonyu28 เผยแพร่คลิปเมื่อวันที่ 13 มกราคม ค.ศ.2010 หรือ พ.ศ.2553 และในช่วงระยะเวลาเพียง 1 ปีที่ผ่านมาจนถึงวันที่ 27 ม.ค. 2554 มียอดผู้คลิกเข้าชมแล้วถึงกว่า 10 ล้านครั้ง

แน่นอนจริงๆครับลูกใครหลานใครลองไปดูเอาเองครับ




READ MORE - เจ้าหนูมหัศจรรย์ 3ขวบอัจฉริยะเป็นร๊อคเกอร์ตีกลอง คนทั่วโลกกว่า 10 ล้านแห่ชมทางยูทูบ

หิมะตกที่พม่า วิกฤษของโลกรึเปล่า

21.1.54

หิมะตกที่พม่า
พม่าหนาวเป็นประวัติศาสตร์ เกิดมีหิมะตกในทางตอนเหนือของประเทศครับ


อากาศหนาวจัดและหิมะตกหนัก ในจีน กระทบคนเดินทางกลับบ้านช่วงตรุษจีน แตกตื่นหิมะตกที่ภาคเหนือพม่า

เมื่อวันที่ 21 ม.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สภาพอากาศหนาวจัดและหิมะตกหนักทางภาคตะวันออกและภาคใต้ของจีน ส่งผลกระทบต่อประชาชนที่เตรียมเดินทางกลับบ้านในเทศกาลตรุษจีน สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี รายงานว่า พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากหิมะตกหนักและสภาพอากาศหนาวเย็น คือ มณฑลเหอหนาน ยูนนาน และอานฮุย ซึ่งหิมะตกหนักต่อเนื่อง จนทางการท้องถิ่นต้องประกาศปิดสถานศึกษาอย่างไม่มีกำหนด เที่ยวบินจำนวนมากที่สนามบินหลายแห่งในเมืองหางโจว รวมถึงเทศบาลนครฉงชิ่ง ต้องเลื่อนหรือยกเลิกการเดินทาง ทำให้ผู้โดยสารตกค้างหลายพันคน คาดว่าปีนี้จะมีผู้คนเดินทางกลับบ้านเกิดร่วม 230 ล้านคน ซึ่งเท่ากับจำนวนประชากรทั้งประเทศของอินโดนีเซีย

ขณะที่หน่วยงานอุตุนิยมวิทยาของจีน คาดว่าจะยังคงมีหิมะตกหนักและอากาศหนาวต่อไปจนถึงช่วงเทศกาลตรุษจีนต้นเดือนหน้า ทำให้เชื่อว่าประชาชนจำนวนมากจะได้รับผลกระทบจากการเดินทางกลับบ้าน

ล่าสุด หิมะได้ตกหนักทางตอนเหนือของประเทศพม่า สร้างความแตกตื่นต่อผู้พบเห็น และสร้างความเสียหายกับบ้านเรือนประชาชน

ขอบคุณเนื้อหาจาก : dailynews.co.th





READ MORE - หิมะตกที่พม่า วิกฤษของโลกรึเปล่า