"หอยขม"
หรือชาวอีสานเรียก"หอยจูบ"
มีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า"Filopaludina martensi"
มีชื่อเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า"POND SNAIL "
เป็นหอยฝาเดียวอาศัยในน้ำจืดมีขนาดเล็ก เปลือกเป็นเกลียวกลมยอดแหลม หนาและแข็ง ผิวชั้นนอกเป็นสีเขียวแก่ ฝาปิดเปลือกเป็นแผ่นกลม ตีนใหญ่ จะงอยปากสั้นทู่ ตามีสีดำอยู่ตรงกลางระหว่างโคนหนวด ตัวผู้มีหนวดเส้นข้างขวาพองโตกว่าเส้นข้างซ้าย ลักษณะพิเศษของหอยชนิดนี้คือ จะมีอวัยวะเพศทั้งเพศผู้และเพศเมียอยู่ในตัวเดียวกัน ออกลูกเป็นตัว และผสมพันธุ์ได้ด้วยตัวของมันเองเมื่ออายุได้ 60 วัน หอยขมออกลูกเป็นตัวครั้งละประมาณ 40-50 ตัว ลูกหอยขมที่ออกมาใหม่ ๆ มีวุ้นหุ้มอยู่ แม่หอยขมจะใช้หนวดแทงวุ้นจนแตก เพื่อให้ลูกหอยหลุดออกจากวุ้น ลูกหอยขมสามารถเคลื่อนไหวได้ทันทีเมื่อออกจากตัวแม่ จะพบเห็นชุกชุมอยู่ในช่วงเดือนธันวาคม-พฤษภาคมถิ่นอาศัย
ชอบอยู่ในน้ำนิ่งซึ่งไม่ลึกนัก ตามบริเวณซึ่งมีพื้นเป็นโคลนหรือดินปนทราย พบทั้งในน้ำจืดและน้ำกร่อย เช่น ตามชายทะเล ปากอ่าว ในคูคลองและที่ลุ่มเกือบทุกแห่งมีอยู่ทั่วไปในภาคต่าง ๆ
อาหาร
กินพวกสาหร่ายทั้งที่สดและเน่าเปื่อย ใบไม้ใบหญ้าผุในน้ำรวมทั้งซากอินทรีย์ที่เน่าเปื่อยและผงตะกอนที่จมอยู่ตามผิวดิน
ขนาด
มีความสูง 2-4 ซ.ม.
ประโยชน์
เนื้อนิยมนำมาต้มแกงเป็นอาหาร หอยขมซึ่งมีขนาดเล็กมักใช้เป็นอาหารเป็นและสัตว์อื่น ๆ
แกงคั่วหอยขม อาหารขึ้นชื่อที่อุดมด้วยคุณประโยชน์
หอยขมเป็นสัตว์น้ำที่ให้คุณค่าทางอาหาร มีโปรตีน 12 เปอร์เซ็นต์ คาร์โบไฮเดรต 4 เปอร์เซ็นต์ ไขมัน 2 เปอร์เซ็นต์ และความชื้น 78 เปอร์เซ็นต์ จึงเหมาะสำหรับนำมาประกอบอาหารแต่ก่อนรับประทานควรทำให้หอยขมสุกเต็มที่ เนื่องจากหอยขมมีตัวอ่อนของพยาธิใบไม้ในลำไส้ เมื่อเข้าสู่คนแล้วสามารถเจริญเติบโตในคนได้
วิธีการเลี้ยงหอยขม
สามารถเลี้ยงได้หลายแบบเพราะมันเลี้ยงง่ายโตเร็วและแพร่พันธุ์ได้เอง ที่หลักๆจะมี การเลี้ยงในกระชัง การเลี้ยงหอยขมในบ่อดิน การเลี้ยงในร่องสวน หรือจะปล่อยตามธรรมชาติในบ่อปลาก็ได้
การเลี้ยงในกระชัง
การเลี้ยงหอยขมในกระชังจะนิยมใช้กระชังไนล่อนชนิดตาถี่ทำเป็นรูปกระชัง ขนาด 3 คูณ 6 เมตร สูง 120 เซนติเมตร นำกระะชังไปผูกในแหล่งน้ำด้วยการให้มุมล่างและมุมบนของกระชังทั้งสี่ด้านยึดติดกับเสา 4 ต้น หรือเพิ่มตรงกลางความยาวของกระชังอีกด้านละต้นรวมเป็น 6 ต้น ขอบบนของกระชังอยู่เหนือระดับน้ำ 20-30 เซนติเมตร อย่าให้ก้นกระชังติดพื้นดิน เพราะจะทำให้ก้นกระชังจมโคลน เมื่อผูกกระชังเรียบร้อยแล้วใส่ทางมะพร้าวสดขนาดยาว 1 เมตร ลงไป 2-3 ทางพยายามอย่าให้ทางมะพร้าวทับกัน และควรผูกไว้เพื่อไม่ให้ทางมะพร้าวทับก้นกระชังอาจทำให้เกิดการฉีดขาดของกระะชังได้ จากนั้นจึงใส่หอยขมขนาดใหญ่ หรือขนาดโตที่ใช้รับประทานโดยทั่วไป ลงไป 2 กิโลกรัมต่อกระชัง โดยคัดเลือกหอยขมที่ยังสด ซึ่งสังเกตได้จากการนำหอยขมไปแช่น้ำทิ้งไว้ ถ้าหอยขมคว่ำตัวติดกับภาชนะแสดงว่าหอยขมยังมีชีวิตอยู่ หลังจากใส่หอยขมแล้ว วันที่สองยกทางมะพร้าวขึ้นดูจะพบหอยขมเล็กๆ เกาะอยู่ตามทางมะพร้าว ทางมะพร้าวที่แช่อยู่ในน้ำนานๆจะเน่าเปื่อยผุพัง จึงควรเปลี่ยนทางมะพร้าวใหม่เดือนละ 2 ครั้ง หอยขมที่เลี้ยงในกระชังจะเกาะกินตะไคร่น้ำและซากเน่าเปื่อยอยู่ตามทางมะพร้าว ตลอดจนบริเวณด้านข้างและก้นกระชัง โดยมิต้องให้อาหารเสริมแต่อย่างใด หลังจาก 2 เดือนจึงทยอยคัดเลือกเก็บตัวใหญ่ขึ้นมารับประทานหรือจำหน่ายเพื่อไม่ให้หอยขมอยู่กันหนาแน่นเกินไป จะทำให้หอยขมเจริญเติบโตช้า
การเลี้ยงหอยขมในกระชัง สามารถทำได้ 2 วิธีดังนี้
วิธีที่ 1
ใช้กระชังที่ทำด้วยมุ้งไนล่อน ขนาดกระชังขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เช่น ถ้ากระชังขนาด 10 ตร.ม.นำกระชังกางในบ่อดิน ให้ขอบบนของกระชังอยู่เหนือระดับน้ำ 20 - 30 ซม. ใส่ทางมะพร้าว 2 - 3 ทางเพื่อให้หอยขมเกาะ จากนั้นนำหอยขมตัวเต็มวัยใส่ลงไปประมาณ 2 ก.ก.ให้อาหารเม็ดสำเร็จรูปปลากินพืชอัตรา 2% ต่อน้ำหนักตัว จากนั้น 1 เดือนก็เริ่มทยอยเก็บหอยขมตัวใหญ่ขายไปเรื่อยๆ
วิธีที่ 2
เหมือนวิธีที่ 1 แต่หลังจากใส่พ่อ แม่หอยขมลงในกระชังแล้ว วันที่ 2 รวบรวมลูกหอยขมไปอนุบาลในกระชังอื่นประมาณ 15 วัน แล้วนำมาเลี้ยงต่อ อัตราการปล่อย 300 - 400 ตัว/ตารางเมตร ให้อาหารเม็ดปลากินพืชอัตรา 2%ต่อน้ำหนักตัว ระยะเวลา 2 เดือน ก็สามารถขายได้การเลี้ยงหอยขมในร่องสวน
เริ่มแรกปล่อยพันธุ์หอยขมขนาดประมาณ 60 ตัว ต่อกิโลกรัม จำนวน 2 กิโลกรัม โดยการตัดทางมะพร้าวขนาด 1-2 เมตรปักลงไปเป็นจุดๆให้ทั่วร่องสวน เมื่อทางมะพร้าวเน่าเปื่อยหรือมีตะไคร่จับ หอยก็จะเข้ามาเกาะและกินตะไคร่น้ำเป็นอาหาร โดยไม่จำเป็นต้องให้อาหารใดๆ ใช้ระยะเวลาเลี้ยงเพียง 6 เดือน จากจำนวนที่ปล่อย 2 กิโลกรัม ระยะเวลาการเลี้ยง 6 เดือน จะได้ผลผลิตหอยรวมทั้งหมดประมาณ 100 กิโลกรัม
การเลี้ยงหอยขมในบ่อดิน
หอยขมอยู่ได้ในน้ำตั้งแต่ ระดับน้ำ 10 ซม. ถึง 2 เมตร พื้นเป็นดินทรายหรือโคลนตม ชอบอาศัยอยู่ในน้ำนิ่งหรือน้ำที่ไหล ไม่แรงมากนัก และชอบอยู่บริเวณร่มเย็น
การเลี้ยงในบ่อดิน สามารถเลี้ยงรวมกับปลาชนิดอื่น ได้แก่ปลานิล ตะเพียนขาว วิธีการเลี้ยงโดยการนำหอยขมตัวเต็มวัย ใส่ลงในบ่อดินทำหลักไม้ไผ่ปักเป็นจุดๆ หรือใช้ทางมะพร้าวใส่ลงไป ให้หอยขมเกาะตามความเหมาะสม จากนั้นก็ให้อาหารปลาตามปกติ เศษอาหารและมูลของปลาก็จะเป็นอาหารหอยขมต่อไป หลังจากนั้นทุกๆ 15 วันเริ่มเก็บหอยตัวใหญ่ออกจำหน่ายต่อไป
การเก็บหอยขม
การเก็บเกี่ยวผลผลิตหอยขมสามารถกระทำได้ง่ายมาก โดยการยกทางมะพร้าวขึ้นมาหรือยกขอบกระชังขึ้นมาก็จะพบหอยขมเกาะอยู่ตามทางมะพร้าวหรือบริเวณด้านข้างกระชัง ซึ่งทำให้สามารถคัดเลือกเก็บหอยขมได้ตามขนาดและจำนวนที่ต้องการ
ส่วนที่เลี้ยงในท้องร่อง อาจจะใช้สวิง ตาห่างคราดเก็บเอาก็ได้
เคล็ดลับการเก็บหอยขม
ให้นำยางนอกรถมอเตอร์ไซค์ลงแช่ในบ่อเลี้ยงหอยขมแล้วหอยขมจะจับจนเต็มยางรถช่วยให้สะดวกในการเก็บและประหยัดเวลาได้ด้วย
*
ทุกวันนี้อะไรก้อเป็นเงินเป็นทองไปหมดเด้อพี่น้องเอย มีแต่คนที่คิดอ่านหาแนวทางเท่านั้นที่จะรวยได้ แต่ก่อนบักหอยจูบเฮาหาเอาตามห้วยหนองคลองบึงบ้านเฮา แต่ทุกวันนี้คนเราก้ไม่ค่อยมีเวลา มันเลยกลายมาเป็นการค้าได้เด้อพี่น้อง
2 ความคิดเห็น:
ถ้าเราเลี้ยงในบ่อซีเม็นต์ได้มั้ยครับ เนื่องจากจำกัดด้วยพื้นที่นะครับ
ถ้าเราเลี้ยงในบ่อซีเม็นต์ได้มั้ยครับ เนื่องจากจำกัดด้วยพื้นที่นะครับ
แสดงความคิดเห็น